เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 8 kyoto ,Fushimi inari, nijo castle, kinkakuji, Ginkakuji, kiyomizu, arashiyama(ป่าไผ่+ศาล)

plan วันนี้ เที่ยววัดรอบโตเกียว ด้วยรถเมล์ส่วนใหญ่ Fushimi inari, nijo castle, kinkakuji, Ginkakuji, kiyomizu, arashiyama(ป่าไผ่+ศาล)

ตอนแรกว่าจะไปย่านกิออนด้วย แต่เมื่อวานไปย่านคนเดิน Tenjimbashisuji แถว numba ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ + เหนื่อยด้วย เลยตัดสินใจยกเลิกเลย

สำหรับวันนี้ ก็เน้น รถเมล์เป็นหลักในการไปตามวัดต่างๆ เดียวจะสรุปแผนที่ + เบอร์รถที่ใช้ด้วย 
*Fushimi inari , arashiyama ใช้รถไฟไปแทน (fushimi inari สามารถไปรถเมล์ได้)

ขอบคุณข้อมูลของ http://www.talonjapan.com/

แผนที่รถเมล์

ที่จริงตอนไปซื้อ one day pass ก็จะได้ใบแผนที่มาด้วยนะ 


สำหรับการเดินทางที่ผมใช้รถเมล์ดูวัดนะ 

ชื่อสถานที่เที่ยว ชื่อป้ายรถเมล์ 
สาย เบอร์รถที่ผ่าน 
สายที่จะขึ้น เบอร์รถที่ขึ้นแล้วไปต่อสถานที่ตอ่ไป

สถานีkyoto, สถานี kyotoeki-mae 
สาย 4 5 "9" 17 26 28 "50" 100 "101" 205 206 208
สายที่จะขึ้นไป ปราสาทนิโจ 9 50 101

ปราสาทนิโจ, สถานี  nijojo-mae 
สาย 9 "12" 50 "101"
สายที่จะขึ้นไป วัดทอง 12 101

Kinkakuji วัดทอง, สถานี Kinkakuji-michi   
สาย 12 59 101 "102" "204" 205 
สายที่จะขึ้นไป วัดเงิน 102 204

Ginkakuji วัดเงิน, สถานี  ginkakuji-michi
สาย 5 17 32 "100" 102 203 204
สายที่จะขึ้นไป วัดน้ำใส 100

วัดน้ำใส kiyomizu, สถานี  Kiyomizu-michi 
สาย "100" "202" "206" "207"
สายที่จะขึ้นไป กิออน 100 202 206 207

กิออน Yazaka+ย่านริมแม่น้ำคาโมกาวะ สถานี Gion
สาย 12 46 "100" 201 202 203 "206" 207
สายที่จะขึ้นไป สถานีkyoto 100 206

สถานีkyoto, สถานี kyotoeki-mae 
สาย 4 5 9 17 26 28 50 100 101 205 206 208

ตำแหน่งที่จอดรถหน้าสถานี Kyoto Sta. 
Bus Information Center จุดซื้อ kyoto oneday pass  500เยน/คน
*คุ้มมาก เพราะขึ้นรถรอบนึงก็ 230เยนแล้ว แล้วที่เที่ยวก็ขึ้นลง 5-6 รอบแล้ว

ตำแหน่งที่ซื้อตั้ว kyoto oneday pass


ส่วน ศาลจิ้กจอก Fushimi inari Taisha
ผมใช้รถไฟจาก Kyoto Sta ไป JR Inari Station (Nara Line) เดินออกมาก็เจอศาลเลย 



ส่วน arashiyama ที่มี ป่าไผ่ , Nonomiya Shrine (ศาลเจ้าโนโนมิยะ) , Tenrya-ji Zen Temple , สะพานโทเง็ตสึเคียว

ผมไปลงที่ สถานี JR Saga Arashiyama (Sanin Main Line) แล้วก็ลองเดินดู







========================================================================


ก็เริ่มต้นที่ตอนเช้า ตื่น 6โมง ออก 7 โมงมั้ง ถ้าจำไม่ผิด นั่งรถราว 1 ชมก็ถึง Kyoto Sta. แล้ว (มีรถสายด่วนกับสาย local นะ นั่งผิดนี่ช้าโครตเลย) ก็เห็นว่าสถานที่ต่างๆคงยังไม่ค่อยเปิด มีศาลจิ้กจอก Fushimi inari Taisha ที่เหมือนจะเปิดทั้งวัน 

ชื่อ ศาลจิ้กจอก Fushimi inari Taisha
ประวัติ
ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ [Fushimi Inari Shrine] หรือ ศาลเจ้าจิ้งจอกขาว ตั้งอยู่ในจังหวัดเกียวโต เป็นศาลเจ้าในลัทธิชินโต สร้างในปี ค.ศ.965 สมัยเฮอัน โดยจักรพรรดิมุราคามิ เพื่อถวายแด่เทพเจ้าอินาริ เทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์
ต่อมาในปี 1589 โตโยมิ ฮิเดโยชิ (Toyomi Hideyoshi) ได้บริจาคประตูโทริอิ ขนาดใหญ่ วางไว้ที่ด้านหน้าทางเข้าศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ
บริษัทต่างๆของญี่ปุ่นนิยมบริจาคโทริกันเพื่อความเป็นสิริมงคล  จึงทำให้มีประตูโทริอิมากมาย เรียงรายจนถึงยอดเขา
  สัญลักษณ์ของศาลเจ้าอินาริ คือ สุนัขจิ้งจอก เห็นได้จาก การที่มีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกอยู่รายรอบศาลเจ้า สาเหตุที่เป็นสุนัขจิ้งจอกนั้น เป็นเพราะ ในตำนานพื้นบ้านญี่ปุ่น มีเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมาว่า สุนัขจิ้งจอก คือ ตัวแทนของเทพเจ้าอินาริ ที่มอบหมายให้ลงมาบนโลกมนุษย์ เพื่อดลบันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์

การเดินไปกลับตลอดอุโมงค์โทริอิ ใช้เวลาประมาณ 2 -3  ชั่วโมง

สถานที่

ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน ตลอดเวลา

การเดินทาง  ลงสถานี JR Inari Station (Nara Line) เดินออกมาก็เจอศาลเลย

แนะนำจุดต่างๆ ที่ผมเดิน
ที่นี่ผมเดินตรงเข้ามาก็ไหว้พระแล้วขึ้นไปชมเสาแดงเรียงกันเยอะๆที่ด้านล่างของเขา แต่ไม่ได้ขึ้นไปยอดเขา (เห็นใช้เวลาเยอะเลยไม่ไป)


เดินจาก Inari sta. ก็เห็น ศาลจิ้กจอก Fushimi inari Taisha สีแดงเห็นแต่ไกล 
โดยเฉพาะ เสาแดง (ประตูโทริอิ) ที่ใหญ่มาก

นางตั้งใจใส่ชุดแดงมาวันนี้โดยเฉพาะ

เห็นกางเกงขาสั้น คือ กางเกงซักไม่ทัน เลยต้องใส่ขาสั้นไปก่อน 
คนญี่ปุ่นมองหลายคนเลย คงแปลกสำหรับที่นี่

มาศาลจิ้กจอก ถ่ายกลับจิ้กจอก

แผนที่ในศาล

ศาลสีส้มอมแดง เข้ม แต่กล้องมันปรับสีสว่างเลย

สวยๆ เรียงเป็นตับ

ถ่ายผิดด้าน มีด้านที่ไม่มีตัวหนังสือ และด้านที่มีตัวหนังสือ ชอบแบบไหนก็แล้วแต่


หลังจากจบการ Fushimi Inari Shrine ก็นั่งรถไฟกลับมาที่ Kyoto sta. อีกรอบนึง (ที่จริงนั่งรถเมล์มาก็ได้นะ แต่ผมยังไม่ได้ซื้อ Kyoto one day pass เลย) 
กลับไปที่ Kyoto sta. ก็ออกมาที่ท่ารถเมล์ เดินหาที่ขายตั่วแปปนึง (ด้านบนมีบอกรายละเอียดหมดแล้ว) หลังจากนั้นก็นั่งรถเมล์มาที่ปราสาทนิโจเป็นที่แรกเลย 


=======================================================================
=======================================================================

ชื่อ nijo castle ปราสาท นิโจ
ประวัติ
สร้างขึ้นในปี 1603 เพื่อใช้เป็นที่พักของท่านโชกุนโทคุกาวะ ซึ่งเป็นโชกุนคนแรกในสมัยเอโดะ (ยุคเอโดะ 1603-1867) การสร้างปราสาทแห่งนี้ใช้เวลายาวนานกว่าจะสร้างเสร็จ ประมาณ 23 ภายหลังจากนั้นก็ได้มีการต่อเติมและสร้างเพิ่มขึ้นอีก

หลังจากหมดยุคราชวงศ์โทคุกาวะในปี 1867 ปราสาทนิโจถูกใช้เป็นพระราชวังสำหรับราชวงศ์ หลังจากนั้นปราสาทจึงได้ถูกมอบให้กับเมืองเกียวโตและเปิดให้เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์เพื่อประชาชนเข้าเยี่ยมชม ปราสาทนิโจมีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่นที่สวยงามและได้รับมอบหมายให้เป็นสถานที่ทางมรดกโลกแห่งองค์การยูเนสโกในปี 1994

สถานที่
ค่าเข้าชม: 600 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 8:45 - 17:00 น. (เวลาเข้าชมรอบสุดท้าย 16:00), นิฮอนมารุ : 9:00 - 16:00 น.
วันปิดทำการ: ปิดทุกวันอังคารของเดือนมกราคม, กรกฎาคม, สิงหาคมและธันวาคม, ปิดตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม ถึง 4 มกราคมของทุกปี

การเดินทาง นั่งรถเมล์จากสถานี Kyoto sta. เบอร์ 9 50 101 มาลงที่ nijojo-mae

แนะนำจุดต่างๆ ที่ผมเดิน
ก็เดินไปตามทางเลย ผมเดินรอบๆ แต่มีปัญหาเล็กน้อย  ท้องเสียเล็กน้อย เลยต้องวิ่งกลับมาห้องน้ำที่ทางเข้า ห้องน้ำดีครับ
ส่วนตัวแปลกใจกับปราสาท ตอนแรกนึกว่าจะมีหลายชั้น แต่เข้าไปมีชั้นเดียว
ส่วนภายในรักษาได้ดีมาก

จุดซื้อบ้ตรทางเข้า ปราสาทนิโจ

กำลังซ่อมกำแพงอยู่

ประตูด้านใน มุมมหาชน

ปราสาท?? 
เข้าไปด้านหน้าในได้ ระยะทางค่อนข้างนานหน่อย ห้ามถ่ายรูป

ระหว่างทางกลับ มีงานแต่ง(หรือเปล่า) 

หลังจากออกจากปราสาทนิโจ ก็นั่งรถที่ป้ายเดิม แต่เปลี่ยนเป็นเบอร์ 12 101 แทน เพื่อไปวัดทองกันต่อ 
คนค่อนข้างแน่นมาก แล้วก็ส่วนใหญ่ไปลงวัดทองกันหมด (เข้าใจว่าน่าจะเป็นเส้นทางหลังที่คนจะมากันมั้ง) 


=======================================================================
=======================================================================

ชื่อ Kinkakuji วัดทอง
ประวัติ
วัดคินคะคุจิ(Kinkakuji) หรือที่คนทั่วไปนิยมเรียกว่าวัดทอง เนื่องจากตัววัดนั้นเป็นสีทองเกือบทั้งหลังตั้งโดดเด่นเป็นเงาสะท้อนกับพื้นน้ำเบื้องหน้า หรือมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า “Rokuonji” วัดนี้สร้างเพื่อใช้เป็นบ้านพักของท่านโชกุนอาชิกาก้า โยชิมิสุ (Ashikaga Yoshimitsu) และท่านมีความตั้งใจยกบ้านพักแห่งนี้ให้เป็นวัดนิกายเซนภายหลังจากที่ท่านเสียชีวิต และวัดคินคะคุจินั้นยังมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างวัดกินคะคุจิหรือวัดเงิน ซึ่งหลานชายของท่านโชกุนอาชิกาก้านั้นได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างวัดเงินมาจากวัดทองคินคะคุจินั่นเอง

วัดคินคะคุจิมีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่งดงาม โดยเฉพาะมุมด้านหน้าใกล้กับทางเข้าวัดซึ่งเป็นภาพที่วัดสีทองอร่ามที่มีสวนอยู่โดยรอบเป็นเงาสะท้อนกับน้ำในสระ เป็นมุมที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันเยอะที่สุด อาคารเดิมของวัดนั้นถูกไฟไหม้หลายต่อหลายครั้งในอดีต รวมถึงในช่วงสงครามโอนิน (Onin ) ในปี 1950 เกิดสงครามกลางเมืองที่ได้ทำลายสถานที่สำคัญๆของเกียวโตไปหลายแห่งรวมถึงวัดแห่งนี้ด้วย และได้มีการสร้างวัดนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี 1955 ซึ่งอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้

สถานที่

ค่าเข้าชม: 400 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 9:00 - 17:00 น.
วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน

การเดินทาง นั่งรถเมล์จากสถานี nijojo-mae เบอร์ 12 101 มาลงที่ Kinkakuji-michi

แนะนำจุดต่างๆ ที่ผมเดิน

ผมลงผิดป้าย เลยต้องเดินไกลหน่อย แต่ก็ชมวิวล่ะกัน (ชื่อป้ายที่ลงคล้ายกัน) (รอบหน้าลงพร้อมคนเยอะๆ น่าจะดีกว่า) 
เดินไปถึงก็ซื้อบัตรเข้าชม พอถึงวัดทองกลางน้ำ เขาจะให้เดินไปทางซ้ายก่อน เป็นทางตัน แต่ถ่ายรูปสวนสวยดี แล้วค่อยเดินกลับมาทางขวา 
วัดทองนี่มันทองจริงๆ สวยดี แอบอยากมาดูตอนฤดูอื่นนะ หิมะ ใบไม้ร่วง ซากุระ น่าจะสวยดี


เห็นแผนที่ไม่ได้ ถ่ายๆไว้ก่อน

ซื้อตั๋วอีกแล้ว 

วัดทองที่มุมมหาชน กว่าจะได้ถ่ายรูป

เปลี่ยนมุมวัด แต่ไม่ได้เปลี่ยนมุมคน

อันนี้น่าจะเป็นศาลเล็กๆ ด้านในเขตวัดทอง

ควันเยอะดี ญี่ปุ้นว่าไว้ โบกควันเข้าตัว จะเป็นศิริมงคล 
โบกซะเหม็นไหม้เลยจ้า

ซาลาเปาดำ เห็นของแปลกต้องลองแดก

ใส้มันเหมือน แกงกะหรี่ เลย (ไม่ค่อยถูกปากนะ)

หลังจากออกมาจากวัดทอง ก็ไปขึ้นรถเมล์ที่ป้ายเลย (คนล่ะฝั่งกับขามาวัดทองนะ) เบอร์ 102 204 ย้อนไปวัดเงินที่อีกฝั่งของ Kyoto เลย


=======================================================================
=======================================================================

ชื่อ Kinkakuji วัดกินคะคุจิ วัดเงิน
ประวัติ
วัดกินคะคุจิ – วัดเงินแห่งเกียวโต เป็นวัดในนิกายเซนถูกสร้างขึ้นโดยโชกุนอาชิคากะ โยชิมาสะ (Ashikaga Yoshimasa) โดยท่านใช้เวลาในปั้นปลายชีวิตหลังเกษียณอายุอาศัยอยู่ที่นี่ และต้นแบบของวัดแห่งนี้ได้อิทธิพลมาจากวัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple) หรือวัดทอง ซึ่งเป็นที่พักของปู่ของเขาในช่วงเกษียณอายุเช่นเดียวกัน หลังจากที่ท่านโชกุนอาชิคากะเสียชีวิตของบ้านของท่านก็ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นวัดกินคะคุจิหรือวัดเงินในปัจจุบัน

สถานที่

ค่าเข้าชม: 500 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 8:30 - 17:00 น. (9:00 - 16:30 น. ในเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์)
วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน

การเดินทาง นั่งรถเมล์จากสถานี Kinkakuji-michi เบอร์ 102 204 มาลงที่ ginkakuji-michi

แนะนำจุดต่างๆ ที่ผมเดิน
เดินค่อนข้างไกลจากสถานีรถเมล์หน่อย 
ถ้าฤดูใบไม้ผลิ ซากุระ จะมีระหว่างทางเดินริมน้ำเลยนะ (ดูจาก google map)
ระหว่างทางมีร้านอาหาร ร้านขนม ของฝากมากมายเลย 
ร้านที่กิน ชูครีม (คล้ายๆเอแคร์น่ะ) อยู่ติดกับทางเข้าวัดเลย


ร้านอาหารข้างทางแถวนั้น

ข้าวหน้าหมูทอด (คัตสึด้ง มั้ง)

ออมเลต (ไข่เจียวบ้านเราล่ะ)

ลองให้จ่ายตังค์ดูบ้าง 

เดินไปอีกนิดนึง เจอร้านไอติม เจ้าของร้านใจดี ให้ไอติมแท่งใหญ่เลย 
*แนะนำไอติมกด จะมีรส Soda อร่อยมาก อยากให้ลองดู มีตามร้านทั่วไป

ขอถ่ายหน่อยกับเจ้าของร้าน 

ถึงหน้าวัดแล้ว โชคดีคนยังเดินมาไม่ถึงกัน ถ่ายรูปสบายเลย

เดินเข้าไปหน่อยก็เจอที่ขายตั๋ว อีกแล้ว

วัดเงิน... หลังคาสีเงินมั้ง 

หามุมถ่ายเล่นๆ

รอบๆก็สวยดี แต่รู้สึกเหมือนวัดธรรมดา (มันไม่สีเงินทั้งหลัง แบบวัดทองอ่ะ)

ตรงไหนไม่มีคนก็ถ่ายๆ

มอสสวยมาก อากาศดี ชุ่มชื่นมาก (มอสนี่เป็นมอสปลูกนะ ดูจากนอกรั้ว เป็นดินล้วนๆ

ทางออกจากวัด ทางด้านขวามือ เป็นร้านชูครีม

กินลูกเดียวพอ 

โอวววววว....

กินเสดก็ถ่ายรูปกับร้านหน่อย

วัดเงินก็แอบเศร้านิดๆ นึกว่าจะเป็นสีเงินทั้งหลังซะอีก และอีกเรื่องคือ ป้ายรถเมล์เดินค่อนข้างไกลเลย แต่ไม่เป็นไร อาหารอร่อยดี 
หลังจากชมเสร็จแล้วก็กลับไปที่ป้ายเดิม เพื่อเตรียมต่อรถไปยัง วัดน้ำใส โดยขึ้นเบอร์ 100


=======================================================================
=======================================================================

ชื่อ วัดคิโยะมิซุ – วัดน้ำใส(Kiyomizu-dera)
ประวัติ
วัดคิโยะมิซุ – วัดน้ำใส(Kiyomizu-dera) เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นใน 780 และน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ไหลผ่านทำให้เป็นที่มาของชื่อ “วัดน้ำใส” นอกจากนี้ยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลก (UNESCO world heritage sites) อีกด้วย อาคารที่มีชื่อเสียงของวัดแห่งนี้ก็คืออาคารไม้ขนาดใหญ่ เสาร์ของอาคารมีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน และโถงอาคารถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นเมืองเกียวโตในฤดูต่างๆ และเป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเกียวโตอีกด้วย นอกจากนี้อาคารไม้ของวัดคิโยะมิซุสร้างขึ้นโดยไม่มีการใช้ตะปูตอกแม้แต่ตัวเดียวในการก่อสร้าง

* วัดวัดคิโยะมิซุนั้นมีอาคารทั้งหมด 9 อาคาร โดยทางวัดจะมีการบูรณะและซ่อมแซมอาคารเหล่านี้ที่ละอาคาร และในปัจจุบันอาคารโอคุโนะอิง (Okunoin Hall ), อาคารอะมิดา (Amida Hall) และอาคารชากะ (Shaka Hall) อยู่ในระหว่างการซ่อมแซมบูรณะ นอกจากนี้ยังมีเจดีย์ 3 ชั้นตรงทางเข้าที่กำลังเตรียมปรับปรุงเช่นกัน

สถานที่

ค่าเข้าชม: 300 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 6:00 - 18:00 น.
วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน

การเดินทาง นั่งรถเมล์จากสถานี ginkakuji-michi เบอร์ 100 มาลงที่ Kiyomizu-michi

แนะนำจุดต่างๆ ที่ผมเดิน
ลงป้ายรถเมล์แล้วก็เลี้ยงซ้ายตามคนเยอะๆ ก็เดินขึ้นเขาไปไกลพอตัวเลย เหนื่อยโพดๆ 
คนแน่นมาก มีร้านขายตามข้างทางค่อนข้างเยอะ เดินลำบากเล็กน้อย 
ด้านในก็เดินตามทางได้เลย เดินตามคนเยอะๆ เดียวมันจะพากลับมาที่ทางออกเลย 


ถ่ายตรงหน้าทางเข้าวัด

มุมที่ขายตั๋ว

รูปจากมุมสูงของวัดน้ำใส สวยดี

ระหว่างทางเดินนิดหน่อย

อีกด้านนึงที่เห็นวัด คนถ่ายรูปแน่นมาก 

เดินมาอีกหน่อยคนจะน้อยลงเยอะ แถมผมว่ามุมสวยกว่าถ่ายตรงที่แรกอีกนะ

ลงจากเขา เจอรูปปั๊มสวมผ้าแดง เหมือนชุดแฟนเลย 

จุดนี้เป็นจุดมหาชนเลย คนต่อคิวล้างมือกันเยอะ แต่ล่ะคนก็รอถ่ายรูปอีก รอนานไปเลยเดินผ่านไปเลยจ้า

ออกจากวัดล่ะ บายๆ 

ที่จริงตาม plan ที่วางไว้ มีไปเดินเล่นที่ กิออนด้วย แต่ด้วยเวลา ความเหนื่อย และเมื่อวานไปเดินย่านคนเดินแล้วไม่ค่อยประทับใจ เลยเปลี่ยน plan ไป arashiyama เลยดีกว่า เดียวจะเสียเวลา แล้วก็มืดด้วย เดียวถ่ายรูปไม่ชัด (ปกติก็ไม่ชัดแล้ว)
หลังจากเดินวัดน้ำใสเส็จ ก็นั่งรถเมล์กลับไปที่ Kyoto sta. เลย ด้วยสาย 100 206 จากหน้าวัดเลย (ถ้าจำไม่ผิด ป้ายเดิมเลยนะ)


=======================================================================
=======================================================================

ชื่อ Arashiyama (วัดเทนริวจิ – Tenryuji Temple , สวนป่าไผ่ – Bamboo Groves , สะพานโทเง็ตสึเคียว – Togetsukyo Bridge)

วัดเทนริวจิ – Tenryuji Temple
ประวัติ
วัดเทนริวจิ(Tenryuji) เป็นวัดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในเขตอาราชิยาม่าของเกียวโต เป็นอันดับ 1 จาก 5 อันดับสูงสุดของวัดเซนและยังได้ถูกบันทึกเป็นมรกดโลก นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนสอนศาสนาพุทธนิกายรินซาย เซน อยู่ภายใต้การดูแลของวัดเทนริวจิอีกด้วย วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1339 ท่านโชกุนอาชิคากะ ทาคาอุจิ เพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิ โก-ไดโกะ ผู้ได้เสด็จสวรรคตล่วงลับไปแล้ว

อาคารต่างๆของวัดได้ถูกเผาทำลายในระหว่างสงคราม และได้มีการสร้างอาคารต่างๆขึ้นมาใหม่ในสมัยเมจิ (1868-1912) ซึ่งรวมถึงเรือน Hojo, เรือนวาดภาพ (Shoin), และห้องครัวของวัด (Kuri) แต่ว่าสวนโดยรอบนั้นเป็นสวนที่อยู่มาตั้งแต่เริ่มต้นสร้างวัด และยังคงรูปแบบเดิมไว้อย่างดี ซึ่งออกแบบโดยท่านมุโซ โซเซคิ (Muso Soseki) เป็นท่านเดียวกับที่ออกแบบสวน Kokedera และสวนอื่นๆที่มีความสำคัญในเกียวโต

สถานที่
ค่าเข้าชม: 500 เยน (หากต้องการเข้าชมภายในอาคารวัด จ่ายเพิ่ม 100 เยน)
เวลาเปิด-ปิด: 8:30 - 17:30 น. (ตุลาคม - มีนาคม: 8:30 - 17:00 น. )
วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน

สวนป่าไผ่ – Bamboo Groves
ประวัติ
เส้นทางเดินเล็กๆที่ตัดผ่านในกลางสวนป่าไผ่ สามารถเดินเล่นหรือขี่จักรยายผ่านก็ได้ ให้บรรยากาศที่แปลกและหาได้ยาก ยิ่งถ้าช่วงไหนที่มีแสงอาทิตย์รอดผ่านตัวป่าไผ่ลงมายังพื้นด้านล่างก็จะยิ่งสวยมาก โดยเฉพาะถ้ามีลมพัดมาพร้อมกันก็จะเป็นเสียงกิ่งก้านของต้นไผ่กระทบกันไปมา บริเวณใกล้ๆจะเป็นร้านขายของพื้นเมืองที่ทำมาจากต้นไม้ เช่น ตะกร้าไม้ไผ่, ถ้วย, กล่องใส่ของ หรือเสื้อเสื้อสานจากไผ่ เป็นร้านดั้งเดิมของคนท้องถิ่น

สถานที่
ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด: เปิด 24 ชม.
วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน

สะพานโทเง็ตสึเคียว – Togetsukyo Bridge
ประวัติ
สะพานโทเง็ตสึเคียว(Togetsukyo Bridge) หรือนิยมเรียกว่า “Moon Crossing Bridge” เป็นเสมือนสัญลักษ์ของอาราชิยาม่า ถูกสร้างขึ้นในสมัยเฮอันและมีการบูรณะซ่อมแซมอยู่เรื่องๆ สะพานนี้มีความสวยงามอย่างมากเพราะด้านหลังนั้นเป็นภูเขาสูงใหญ่และด้านล่างเป็นแม่น้ำที่ทั้งสองฝั่งมีแนบต้นซากุระเรียงรายเรียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ ทำให้เป็นจุดชมซากุระที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง จากตัวเมืองเมื่อข้างสะพานไปจะเป็นเหมือนเกาะเล็กๆที่อยู่กลางแม่น้ำ ภายในเกาะเป็นร้านขายอาหาร ขายสินค้า ผู้คนนิยมมาเดินเล่นเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะช่วงเทศกาลฮานามิหรือฤดูชมซากุระ

สถานที่
ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด: เปิด 24 ชม.
วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน

การเดินทาง นั่งรถไฟมาลงที่ JR Saga-Arashiyama Statio

แนะนำจุดต่างๆ ที่ผมเดิน
ลงจากสถานี ก็เดินไปวัดเทนริวจิเลย แต่ที่นี่ผมแค่ดูรอบๆ ไม่ได้เข้าไปดูข้างใน เพราะเริ่มขี้เกียจล่ะ 
หลังจากนั้นเดินลงมาดูสะพานโทเง็คสึเคียว ก็สวยดี ระหว่างทางมีร้านขาย ไดฟุกุสตเบอร์รี่ด้วย อร่อยๆ
เดินชมแม่น้ำ ไปขึ้นสวนอะไรสักอย่างก่อนไปถึงป่าไผ่ 
ป่าไผก็เริ่มมืดแล้ว แต่สวยดี ไผ่ต้นใหญ่ ปลูกค่อนข้างเป็นระเบียบ ที่จริงของไทยก็น่าจะทำได้นะ 
เดินออกจากป่าไผ่ ทางซ้ายมือเป็นศาลเจ้าเล็กๆ แต่มีคนวนเวียนเรื่อยๆ 
หลังจากเส็ดก็กลับไปที่สถานีเลยจ้า



ที่สถานีมีรถไฟจำลอง (หรือของจริงสักไม่แน่ใจ) ด้วย สวยมาก คิดว่าของจริงแต่ไม่ใช้แล้วนะ

ระหว่างทางเห็นดอกไม้สวยๆ จักรยานใครไม่รู้ เอามาใช้ถ่ายรูปหน่อย

ต้นอะไรหว่า จำไม่ได้ล่ะ

ระหว่างทางเข้าวัดวัดเทนริวจิ มีทางเล็กน้อย เข้าไปชมได้ถ้ามีเงิน (ค่าเข้า 300เยนมั้ง)

ถึงหน้าวัดแต่ไม่ได้เข้าจ้า กระเป๋าตังค์ค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ

หน้าวัด เดินไปอีกหน่อย เสียค่าเข้าไปข้างในล่ะ

ออกจากวัดเทนริวจิ ก็เจอร้านไดฟุกุสตเบอร์รี่ข้างทาง  ( ichigo daifuku มั้ง)

"สนใจเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ไม"
หัวจะขาดไมว่ะ


สะพานโทเง็ตสึเคียว น้ำค่อนข้างแห้ง มีเขื่อนกันน้ำอยู่ แล้วก็มีทางน้ำไหลเล็กๆ 
(เข้าใจว่าให้ปลาว่ายผ่านได้ แต่น้ำไหลแรงมาก)

อีกมุมนึง (ไม่รู้จะถ่ายยังไงดี ถึงจะสวย)

ระหว่างทางเดินไปป่าไผ่

เลี้ยงซ้ายที่ 3 แยก ก็จะเจอป่าไผ่ 
*รูปนี้ปรับแสงจนสว่างเลย

สวยดี

หามุมสวยๆ

หาต่อๆ

พยายามหามุมอีก คนญี่ปุ่นมองด้วยความสงสัย

ศาลเล็กๆ Nonomiya Shrine 

หลังจากเสร็จจาก arashiyama ก็กลับไปยัง Osaka อีกครั้งนึง
ค่อนข้างเหนื่อยมาก วันเดียวลุยวัด kyoto เกือบหมดเลย คุ้มจริงๆ คงไม่ต้องมาอีกนานเลยมั้ง
วันนี้ก็กลับไปนอนที่โรงแรมเดิม โรงแรมที่ถูกที่สุดในทัวร์นี้ พรุ่งนี้อีก 1 คืน ก็จะต้องเตรียมกลับแล้ว
ไม่อยากกลับเลยจ้า แต่เงินจะหมดแล้ว T^T
======================================================================

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 0 เตรียมตัวไป

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน plan

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 1 ไปดอนเมือง ลงนาริตะ นอน asakusa

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 2 เที่ยววัดasakusa ,ศาลเจ้าเมจิ เดิน shinjuku ,harajuku ,chibuya

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 3 วังอิมพีเรียล(ปิด) ,akihabara ,ueno ตึกม่วง ,ginza 

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 4 ตลาดปลา Tsukiji ,สวนดอกไม้ Kokuei Showa memorial Park ,shinjuku

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 5 ไป kawaguchiko, Fuji shibazakura Festival, นั่งรถรอบ kawaguchiko lake ,Chureito Pagoda เจดีย์แดง

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 6 หมู่บ้านน้ำใส Oshino Hakkai,Gotemba Outlet, Hakone(ปิด)

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 7 Odawara ขึ้น shinkansen ไป Osaka , Umeda HEP Five, Tenjimbashisuji 

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 8 kyoto ,Fushimi inari, nijo castle, kinkakuji, Ginkakuji, kiyomizu, arashiyama(ป่าไผ่+ศาล)

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 9 Osaka Castle, Kaiyukan, numba, dotomburi, den den town 

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 10 numba, dotomburi, den den town, kuromon ichiba market, kansai airport 

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน end สรุป ค่าใช้จ่าย ผิดพลาด อื่นๆ 

======================================================================

ความคิดเห็น