หลังจากนอนเกือบเต็มที่มา ก็เริ่มกันเลยดีกว่า
แผนการวันนี้คือ เช้าที่วัด อาซากุสะ (asakusa) ต่อด้วยศาลเมจิ เดิน shinjuku harajuku chibuya
*ที่จริงวันนี้ต้องไป ginza ด้วย บังเอิญ ทะเลาะกันก่อน กลับโรงแรมนอนเลย
แผนที่รถไฟใต้ดิน *มีวงกลมไว้ตามจุดสำคัญที่ไป

======================================================================
วัดอาซากุสะ
ประวัติ
วัดเซ็นโซจิ (SENSOJI) หรือที่เรียกกันว่าวัดอาซากุสะ (ASAKUSA TEMPLE) เพราะที่ตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะ ซึ่งวัดนี้เป็นวัดเก่าและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 628-645 วัดนี้มีตำนานเล่าขานกันว่า มีสองพี่น้องตระกูล ฮิโนะคูมะ (HINOKUMA)ผู้มีอาชีพหาปลา ณ วันหนึ่งได้มาหาปลาที่แม่น้ำสุมิดะ แล้วได้เหวี่ยงแหพบกับ เทวรูปคันนง ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตาเข้าโดยบังเอิญ และแม้ว่าคนทั้งคู่จะนำรูปปั้นนี้กลับไปคืนแม่น้ำอีกสักกี่ครั้ง ก็จะมีเหตุให้รูปปั้นกลับมาอยู่ในมือของคนทั้งสองเสมอ ดังนั้น ด้วยความศรัทธาของสองพี่น้องและชาวบ้านของ หมู่บ้านละแวกนั้น จึงได้อัญเชิญเทวรูปคันนงประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้
สถานที่
เวลาเปิด
- ศาลาวัด 6:00 – 17:00 และในเดือนตุลาคม – มีนาคมเปิด 6:30 – 17:00
- บริเวณวัดเปิดตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
การเดินทาง
การเดินทาง รถไฟใต้ดินสายกินซ่า (Ginza line) G ของ metro สายสีส้ม ทางออก A4 และ A5
รถไฟใต้ดินสายอาซากุสะ (Asakusa line) A ของ toei
แนะนำจุดต่างๆ ที่ผมเดิน
เส้นแดง เป็นทางเดินระหว่าง วัด และตลาดหน้าวัด มีทั้งในร่มและกลางแจ้ง
เส้นเขียว เป็นร้านอาหารตอนเย็น คนกินเยอะมาก
ดาวสีน้ำเงินเป็นร้านขาย มันญี่ปุ่น แปรรูป อร่อยมาก
ดาวสีม่วง ร้านขายปูอัดย่าง
ดาวสีน้ำตาล ร้านขายของในวัน ขายมันญี่ปุ่นเผาด้วย แต่ผมไม่ได้กินเพราะมาเช้าไป กลับดึกไป
หลังจากเสร็จจากวัดอาซากุสะแล้ว ก็ไปศาลเมจิกันต่อโดยไปทาง subway ต่อ
ชื่อ ศาลเจ้าเมจิ
ประวัติ
ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu / Meiji Shrine) นั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์อุทิศถวายแด่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ (Emperor Meiji) และพระจักรพรรดินีโซเค (Empress Shoken) ภายหลังจากที่ทั้งสองพระองค์นั้นสวรรคต ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1920 โดยการร่วมมือของประชาชนทั่วญี่ปุ่นที่ช่วยกันบริจาคต้นไม้กว่า 100,000 ต้น เพื่อสร้างป่าแห่งนี้ขึ้น ศาลเจ้าเมจินั้นเป็นศาสนสถานในศาสนาชินโตอันเป็นศาสนาเก่าแก่และดั้งเดิมของญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นศาลเจ้าแห่งนี้ถูกทำลายอย่างหนัก ศาลเจ้าปัจจุบันนั้นได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ราวปี ค.ศ.1958 ด้วยงบประมาณที่เกิดจากการระดมทุนสาธารณะอีกครั้งนั่นเอง
ในยุคปัจจุบันนั้นศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้อันร่มรื่นเขียวครึ้มท่ามกลางการโอบล้อมของตึกสูงระฟ้าและเมืองใหญ่อย่างย่านชินจูกุและชิบูย่า มีนักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมเยือนกันตลอดทั้งปีแบบไม่ขาดสาย นอกจากจะเป็นศาลเจ้าที่คนนิยมมาสวดมนต์ขอพรในช่วงปีใหม่แล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่แต่งงานตามแบบประเพณีญี่ปุ่นโบราณที่คู่บ่าวสาวนิยมมาจัดงานกันอีกด้วย ซึ่งเราสามารถเห็นประเพณีเก่าแก่อันทรงคุณค่านี้ได้เสมอๆ ในคราวที่มาเยือนวัดแห่งนี้
นอกจากนี้กิจกรรมที่เป็นที่นิยมทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวก็คือการขอพรบนแผ่นไม้ที่เรียกว่า อิมะ (Ema) ซึ่งจะเป็นแผ่นไม้เล็กๆ (แผ่นละ 500 เยน) ให้เราเขียนขอพรต่างๆ ลงไปในนั้น อธิษฐานเสร็จแล้วก็ให้นำไปแขวนไว้โดยรอบต้นไม้ใหญ่ที่จัดไว้ให้นั่นเอง ซึ่งเราจะเห็นได้ตั้งแต่ภาษาญี่ปุ่น, ภาษาอังกฤษ, ภาษาเกาหลี, หรือว่าแม้แต่ภาษาไทย
สถานที่
เวลาเปิด
ทุกวัน 05.00-18.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย / โปรดเช็คเวลาที่แน่นอนของแต่ละเดือนอีกครั้งหนึ่ง) / สำหรับวันที่ 31 ธ.ค. ของทุกปี เปิดตลอด 24 ชม.
การเดินทาง
นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย C-Chiyoda Line (สีเขียวเข้ม) / สาย F-Fukotoshin Line (สีน้ำตาลทอง) ลงสถานี C03/F15-Meiji-Jingumae ทางออก 2
แนะนำจุดต่างๆ ที่ผมเดิน
หลังจากศาลเมจิ ผมก็มาต่อที่ shinjuku กันต่อ
ชื่อ shinjuku + Tokyo Metropolitan Government
ประวัติ
shinjuku
ย่านที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางเกือบแทบจะทุกอย่างของโตเกียวนั้นก็คือชินจูกุ (Shinjuku) นี่เอง เพราะนอกจากจะเป็นที่ตั้งของ The Metropolitan Government Office ที่ว่าการแห่งมหานครโตเกียวแล้ว ย่านนี้ยังเต็มไปด้วยบริษัทชื่อดังมากมายโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจการเงิน แต่สำหรับการรับรู้ของนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่นทั่วไปนั้นย่านนี้ก็คือแหล่งบันเทิงยอดฮิตตลอดจนแหล่งช้อปปิ้งยอดเยี่ยมที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาหลากสีสันที่น่าสนุกทีเดียว
แนะนำแหล่งช้อปกันก่อนดีกว่า โซนแรกนั้นเป็นแหล่งรวมของห้างช้อปปิ้งเก๋ๆ โดยเฉพาะสินค้าของเหล่าสาวๆ อินเทรนด์ซึ่งโซนนี้จะอยู่บริเวณสถานีรถไฟใหญ่ JR Shinjuku เลย ตั้งแต่ Lumine (www.lumine.ne.jp/shinjuku), Shinjuku Mylord (www.shinjuku-mylord.com), Shinjuku Terrace City แหล่งแฮงค์เอาท์กลางแจ้งเก๋ๆ ที่มีคาเฟ่น่านั่งพร้อมร้านน่าช้อปปิ้ง, หรือห้างใหญ่อันเก่าแก่และหรูหราอย่าง Takashimaya สาขาชินจูกุ ซึ่งห้างนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Tokyu Hands ห้างสารพัดของขายโดยเฉพาะสินค้าในกลุ่ม D.I.Y ที่มีให้เลือกมากมาย และถือเป็น Tokyu Hands ที่ใหญ่ไม่แพ้สาขาชิบูยาเลยทีเดียว
โซนช้อปปิ้งยอดฮิตอีกโซนนั้นอยู่ทางทิศตะวันออกของสถานีชินจูกุ ซึ่งบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยห้างใหญ่เก่าแก่แต่ได้รับการดูแลอย่างดีและใส่กลิ่นอายความเก๋เท่ลงไปอยู่ตลอดเวลา ห้างเก่าแก่ยอดฮิตที่มีอายุกว่า 100 ปี นั้นก็ได้แก่ Isetan (www.isetan.co.jp) กับสาขาดั้งเดิมที่อยู่ในอาคารเก่าแก่สไตล์ยุโรป, Isetan men’s กับห้างแรกๆ ที่ฉีกตัวเปิดดีพาร์ทเมนต์โสตร์สำหรับผู้ชายโดยเฉพาะซึ่งกลายเป็นต้นแบบที่ฮิตมาจนถึงทุกวันนี้ และ Isetan men’s นั้นก็โด่งดังและเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อง ภายในมีสิ้นค้าสำหรับผู้ชายที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ คุณภาพเยี่ยม และไม่ตกเทรนด์, นอกจากนี้ก็ยังมีห้างเก่าแก่อีกห้างนั่นก็คือ 0101 (มารุอิ) (www.0101.co.jp) ซึ่งบริเวณนี้มีถึง 3 ห้างย่อยตั้งแต่ 0101 Shinjuku Marui Honkan อันเป็นฐานหลัก, 0101 Shinjuku Marui Men ที่เจาะกลุ่มตลาดผู้ชายโดยเฉพาะ, และ 0101 Shinjuku Marui Annex กับห้างใหม่ล่าสุดที่เก๋ตั้งแต่ตัวตึกภายนอก และภายในนั้นมีร้านค้าเท่ๆ เก๋ๆ สินค้าชิคๆ อยู่มากมาย
นอกจากจะช้อปปิ้งแฟชั่นกันแล้วที่นี่ก็ยังเป็นแหล่งซื้อหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดังไม่ต่างจากย่าน Akihabara กันเลยทีเดียว ตั้งแต่ Big Camera (www.biccamera.co.jp) สาขาใหญ่โต, Ydobashi (www.yodobashi.com) สาขาใหญ่, หรือแม้แต่แหล่งช้อปปิ้งใหม่เก๋ยอดนิยมล่าสุดอย่าง BIGQLO ที่เกิดจากสองยักษ์ใหญ่รวมตัวกันได้แก่ Big Camera และ Uniqlo เปิดห้างใหม่อันโดดเด่นที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัดรูปแบบผสมกับร้านจำหน่ายซื้อผ้าแฟชั่นยอดฮิตนั่นเอง
ในชินจูกุนั้นยังมีห้างดังๆ เก๋ๆ ร้านเล็กๆ ชิคๆ ซ่อนตัวอยู่อีกเพียบ แต่สำหรับผู้ที่ชอบสีสันชีวิตชีวายามค่ำคืนนั้นไม่มีใครที่ไม่รู้จักย่านคาบูกิโชว (Kabukicho) แหล่งท่องราตรีอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ตลอดตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยร้านอาหารดีๆ, ร้านปาจิงโกะ, love hotels, และกิจกรรมบันเทิงอีกมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นชินจูกุนี้ก็มีมุมธรรมชาติอันสวยงามไม่แพ้ที่อื่นเช่นกัน ถ้าหากเบื่อจากการช้อปปิ้งหรือท่องเที่ยวแหล่งบันเทิงแล้วล่ะก็เราสามารถปลีกตัวไปเที่ยว Shinjuku Gyeon หนึ่งในสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียวซึ่งเต็มไปด้วยความร่มรื่น โดยเฉพาะช่วงที่ซากุระเบ่งบานนั้นที่นี่ถือเป็นหนึ่งแห่งยอดฮิตที่ผู้คนนิยมมาชมซากุระกันอีกด้วย
Tokyo Metropolitan Government
อาคารศาลาว่าการกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building) อาคารแฝดสูงตระหง่านใจกลางย่านศูนย์กลางธุรกิจของเขตชินจูกุ ออกแบบโดยสถาปนิกญี่ปุ่นชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก เคนโซ ทันเกะ (Kenza Tange) ผู้ออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกเมืองโตเกียว (ปีค.ศ.1962) และอาคารอนุสรณ์สันติภาพญี่ปุ่นเมืองฮิโรชิม่า อาคารมีความสูง 243 เมตร เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีค.ศ.1991 โดยมีความตั้งใจเพื่อให้เป็นแลนด์มาร์คอาคารสูงแห่งใหม่ของเขตชินจูกุ และเพื่อผลักดันให้เขตตะวันตกของชินจูกุเป็นย่านอาคารสำนักงานระฟ้าแห่งใหม่ อาคารถูกออกแบบให้เหมือนกันเป็นลักษณะสมมาตร มีลานกว้างอยู่ทั้งฝั่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของอาคาร โดยมีจุดชมวิวเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีที่ชั้น 45 ของอาคารทั้งอาคารทิศเหนือและทิศใต้
อาคารทิศเหนือ เหมาะสำหรับชมวิวทิวทัศน์ในเวลากลางคืน ส่วนอาคารทิศใต้เหมาะสำหรับชมวิวในวิสัยทัศน์แบบไกลๆในช่วงกลางวัน ซึ่งหากวันไหนฟ้าเปิดเป็นใจก็อาจมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้เลยทีเดียว
สถานที่ shinjuku
เวลาเปิด ราว 10:00-20:00
การเดินทาง
นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย M-Marunouchi Line (สีแดง) ลงได้ทั้งสถานี M08-Shinjuku และ M09-Shinjuku Sanchome
นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย F-Fukutoshin Line (สีน้ำตาลแดง) ลงสถานี F13-Shinjuku Sanchome
สถานที่ Tokyo Metropolitan Government
เปิด/ปิด : ตึกเหนือ 9.00-23.00น. ตึกใต้ เปิด 9.30-17.30น. (ปิดทุกวันอังคารที่ 1 และ 3 ของเดือน) ไม่ต้องกลัวว่าจะเมื่อมาถึงที่ตึกนี้แล้วจุดชมวิวจะปิดนะครับ เพราะเขาจะมีเปิดสลับกันไปมาครับ ไม่ปิดหมดทุกวัน
การเดินทาง
ลงที่ shinjuku แล้วเดินมาตามทางที่ปักหมุนไว้
ส่วนตัวแล้ว ที่นี่ผมเดินค่อนข้างมั่วมาก และไม่ได้เข้าห้างเท่าไหร่ ขึ้นไม่รู้จะแนะนำยังไงดี แต่คิดว่า อนาคตคงได้เจอกันอีก 555+
หลังจากเดินตามเส้นจนครบ ก็นั่ง subway กลับโรงแรมพักผ่อน
*เดินเยอะมากกกก
แผนการวันนี้คือ เช้าที่วัด อาซากุสะ (asakusa) ต่อด้วยศาลเมจิ เดิน shinjuku harajuku chibuya
*ที่จริงวันนี้ต้องไป ginza ด้วย บังเอิญ ทะเลาะกันก่อน กลับโรงแรมนอนเลย
แผนที่รถไฟใต้ดิน *มีวงกลมไว้ตามจุดสำคัญที่ไป
======================================================================
วัดอาซากุสะ
ประวัติ
วัดเซ็นโซจิ (SENSOJI) หรือที่เรียกกันว่าวัดอาซากุสะ (ASAKUSA TEMPLE) เพราะที่ตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะ ซึ่งวัดนี้เป็นวัดเก่าและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 628-645 วัดนี้มีตำนานเล่าขานกันว่า มีสองพี่น้องตระกูล ฮิโนะคูมะ (HINOKUMA)ผู้มีอาชีพหาปลา ณ วันหนึ่งได้มาหาปลาที่แม่น้ำสุมิดะ แล้วได้เหวี่ยงแหพบกับ เทวรูปคันนง ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตาเข้าโดยบังเอิญ และแม้ว่าคนทั้งคู่จะนำรูปปั้นนี้กลับไปคืนแม่น้ำอีกสักกี่ครั้ง ก็จะมีเหตุให้รูปปั้นกลับมาอยู่ในมือของคนทั้งสองเสมอ ดังนั้น ด้วยความศรัทธาของสองพี่น้องและชาวบ้านของ หมู่บ้านละแวกนั้น จึงได้อัญเชิญเทวรูปคันนงประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้
สถานที่
เวลาเปิด
- ศาลาวัด 6:00 – 17:00 และในเดือนตุลาคม – มีนาคมเปิด 6:30 – 17:00
- บริเวณวัดเปิดตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
การเดินทาง
การเดินทาง รถไฟใต้ดินสายกินซ่า (Ginza line) G ของ metro สายสีส้ม ทางออก A4 และ A5
รถไฟใต้ดินสายอาซากุสะ (Asakusa line) A ของ toei
แนะนำจุดต่างๆ ที่ผมเดิน
เส้นแดง เป็นทางเดินระหว่าง วัด และตลาดหน้าวัด มีทั้งในร่มและกลางแจ้ง
เส้นเขียว เป็นร้านอาหารตอนเย็น คนกินเยอะมาก
ดาวสีน้ำเงินเป็นร้านขาย มันญี่ปุ่น แปรรูป อร่อยมาก
ดาวสีม่วง ร้านขายปูอัดย่าง
ดาวสีน้ำตาล ร้านขายของในวัน ขายมันญี่ปุ่นเผาด้วย แต่ผมไม่ได้กินเพราะมาเช้าไป กลับดึกไป
ผมเข้ามาจากทางด้านหลัง (โรงแรมอยู่ทิศเหนือของวัด) เลยเจอศาลเจ้าก่อน
บางทีไม่แน่ใจว่า ป้ายที่เราถ่าย เขาเขียนว่า "ห้ามถ่ายรูป" หรือเปล่านะ
ภายในวัดอาซากุสะ
ล้างมือล้างปาก ก่อนไปขอพร
หลังไหว้พระเสร็จแล้ว *เขาไม่ให้ถ่ายด้านใน
จุดถ่ายรูปมหาชน
ลองเซียมซีดู ได้กลางๆ (มีภาษาอังกฤษให้อ่านด้วย)
ร้านขายปูอัดย่าง *ดาวสีม่วง
ลองกินดู ก็ปูอัดย่างใส่ซอสน่ะล่ะ *ใครแย่งซีนฟะ
ระหว่างทางมีรูปปั๊นอะไรไม่รู้
อันนี้มาซื้อกินวันหลัง เป็นมันญี่ปุ่นมาทำขนม กับ มันเชื่อม อร่อยๆ
*ซื้อที่ตำแหน่งดาวสีน้ำเงิน
หลังจากเสร็จจากวัดอาซากุสะแล้ว ก็ไปศาลเมจิกันต่อโดยไปทาง subway ต่อ
ชื่อ ศาลเจ้าเมจิ
ประวัติ
ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu / Meiji Shrine) นั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์อุทิศถวายแด่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ (Emperor Meiji) และพระจักรพรรดินีโซเค (Empress Shoken) ภายหลังจากที่ทั้งสองพระองค์นั้นสวรรคต ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1920 โดยการร่วมมือของประชาชนทั่วญี่ปุ่นที่ช่วยกันบริจาคต้นไม้กว่า 100,000 ต้น เพื่อสร้างป่าแห่งนี้ขึ้น ศาลเจ้าเมจินั้นเป็นศาสนสถานในศาสนาชินโตอันเป็นศาสนาเก่าแก่และดั้งเดิมของญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นศาลเจ้าแห่งนี้ถูกทำลายอย่างหนัก ศาลเจ้าปัจจุบันนั้นได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ราวปี ค.ศ.1958 ด้วยงบประมาณที่เกิดจากการระดมทุนสาธารณะอีกครั้งนั่นเอง
ในยุคปัจจุบันนั้นศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้อันร่มรื่นเขียวครึ้มท่ามกลางการโอบล้อมของตึกสูงระฟ้าและเมืองใหญ่อย่างย่านชินจูกุและชิบูย่า มีนักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมเยือนกันตลอดทั้งปีแบบไม่ขาดสาย นอกจากจะเป็นศาลเจ้าที่คนนิยมมาสวดมนต์ขอพรในช่วงปีใหม่แล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่แต่งงานตามแบบประเพณีญี่ปุ่นโบราณที่คู่บ่าวสาวนิยมมาจัดงานกันอีกด้วย ซึ่งเราสามารถเห็นประเพณีเก่าแก่อันทรงคุณค่านี้ได้เสมอๆ ในคราวที่มาเยือนวัดแห่งนี้
นอกจากนี้กิจกรรมที่เป็นที่นิยมทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวก็คือการขอพรบนแผ่นไม้ที่เรียกว่า อิมะ (Ema) ซึ่งจะเป็นแผ่นไม้เล็กๆ (แผ่นละ 500 เยน) ให้เราเขียนขอพรต่างๆ ลงไปในนั้น อธิษฐานเสร็จแล้วก็ให้นำไปแขวนไว้โดยรอบต้นไม้ใหญ่ที่จัดไว้ให้นั่นเอง ซึ่งเราจะเห็นได้ตั้งแต่ภาษาญี่ปุ่น, ภาษาอังกฤษ, ภาษาเกาหลี, หรือว่าแม้แต่ภาษาไทย
สถานที่
เวลาเปิด
ทุกวัน 05.00-18.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย / โปรดเช็คเวลาที่แน่นอนของแต่ละเดือนอีกครั้งหนึ่ง) / สำหรับวันที่ 31 ธ.ค. ของทุกปี เปิดตลอด 24 ชม.
การเดินทาง
นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย C-Chiyoda Line (สีเขียวเข้ม) / สาย F-Fukotoshin Line (สีน้ำตาลทอง) ลงสถานี C03/F15-Meiji-Jingumae ทางออก 2
แนะนำจุดต่างๆ ที่ผมเดิน
หลังจากขึ้นมาจาก subway ด้านล่างของแผนที่ ก็เดินเข้ามาเลย จะเจอซุ้มประตูใหญ่ให้ถ่ายรูปเล่น จากนั้นเดินมาเรื่อยๆจะเจอทางแยก ให้เลี้ยงซ้าย เดินตามทางก็จะเจอศาลเมจิ หลังจากไหว้แล้ว ก็ออกมาอีกทางนึง จะเจอร้านขายของฝาก จะเดินกลับมาที่รถไฟก็ได้ แต่ผมเดินขึ้นบน เพื่อไปยัง shinjuku ต่อแทน
*วันที่ผมไป มีงานอะไรไม่รู้ เลยเข้าไปไหว้ด้านในไม่ได้
เข้ามาก็เจอซุ้มประตูใหญ่ก่อนเลย
เข้าในว่าเป็นถังหมักเบียร์นะ
ประตูไม้ที่สอง ตรงทางแยก
มีพิธีอะไรไม่รู้
ป้ายขอพร เดินดูมีภาษาไทยด้วย
ชื่อ shinjuku + Tokyo Metropolitan Government
ประวัติ
shinjuku
ย่านที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางเกือบแทบจะทุกอย่างของโตเกียวนั้นก็คือชินจูกุ (Shinjuku) นี่เอง เพราะนอกจากจะเป็นที่ตั้งของ The Metropolitan Government Office ที่ว่าการแห่งมหานครโตเกียวแล้ว ย่านนี้ยังเต็มไปด้วยบริษัทชื่อดังมากมายโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจการเงิน แต่สำหรับการรับรู้ของนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่นทั่วไปนั้นย่านนี้ก็คือแหล่งบันเทิงยอดฮิตตลอดจนแหล่งช้อปปิ้งยอดเยี่ยมที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาหลากสีสันที่น่าสนุกทีเดียว
แนะนำแหล่งช้อปกันก่อนดีกว่า โซนแรกนั้นเป็นแหล่งรวมของห้างช้อปปิ้งเก๋ๆ โดยเฉพาะสินค้าของเหล่าสาวๆ อินเทรนด์ซึ่งโซนนี้จะอยู่บริเวณสถานีรถไฟใหญ่ JR Shinjuku เลย ตั้งแต่ Lumine (www.lumine.ne.jp/shinjuku), Shinjuku Mylord (www.shinjuku-mylord.com), Shinjuku Terrace City แหล่งแฮงค์เอาท์กลางแจ้งเก๋ๆ ที่มีคาเฟ่น่านั่งพร้อมร้านน่าช้อปปิ้ง, หรือห้างใหญ่อันเก่าแก่และหรูหราอย่าง Takashimaya สาขาชินจูกุ ซึ่งห้างนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Tokyu Hands ห้างสารพัดของขายโดยเฉพาะสินค้าในกลุ่ม D.I.Y ที่มีให้เลือกมากมาย และถือเป็น Tokyu Hands ที่ใหญ่ไม่แพ้สาขาชิบูยาเลยทีเดียว
โซนช้อปปิ้งยอดฮิตอีกโซนนั้นอยู่ทางทิศตะวันออกของสถานีชินจูกุ ซึ่งบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยห้างใหญ่เก่าแก่แต่ได้รับการดูแลอย่างดีและใส่กลิ่นอายความเก๋เท่ลงไปอยู่ตลอดเวลา ห้างเก่าแก่ยอดฮิตที่มีอายุกว่า 100 ปี นั้นก็ได้แก่ Isetan (www.isetan.co.jp) กับสาขาดั้งเดิมที่อยู่ในอาคารเก่าแก่สไตล์ยุโรป, Isetan men’s กับห้างแรกๆ ที่ฉีกตัวเปิดดีพาร์ทเมนต์โสตร์สำหรับผู้ชายโดยเฉพาะซึ่งกลายเป็นต้นแบบที่ฮิตมาจนถึงทุกวันนี้ และ Isetan men’s นั้นก็โด่งดังและเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อง ภายในมีสิ้นค้าสำหรับผู้ชายที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ คุณภาพเยี่ยม และไม่ตกเทรนด์, นอกจากนี้ก็ยังมีห้างเก่าแก่อีกห้างนั่นก็คือ 0101 (มารุอิ) (www.0101.co.jp) ซึ่งบริเวณนี้มีถึง 3 ห้างย่อยตั้งแต่ 0101 Shinjuku Marui Honkan อันเป็นฐานหลัก, 0101 Shinjuku Marui Men ที่เจาะกลุ่มตลาดผู้ชายโดยเฉพาะ, และ 0101 Shinjuku Marui Annex กับห้างใหม่ล่าสุดที่เก๋ตั้งแต่ตัวตึกภายนอก และภายในนั้นมีร้านค้าเท่ๆ เก๋ๆ สินค้าชิคๆ อยู่มากมาย
นอกจากจะช้อปปิ้งแฟชั่นกันแล้วที่นี่ก็ยังเป็นแหล่งซื้อหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดังไม่ต่างจากย่าน Akihabara กันเลยทีเดียว ตั้งแต่ Big Camera (www.biccamera.co.jp) สาขาใหญ่โต, Ydobashi (www.yodobashi.com) สาขาใหญ่, หรือแม้แต่แหล่งช้อปปิ้งใหม่เก๋ยอดนิยมล่าสุดอย่าง BIGQLO ที่เกิดจากสองยักษ์ใหญ่รวมตัวกันได้แก่ Big Camera และ Uniqlo เปิดห้างใหม่อันโดดเด่นที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัดรูปแบบผสมกับร้านจำหน่ายซื้อผ้าแฟชั่นยอดฮิตนั่นเอง
ในชินจูกุนั้นยังมีห้างดังๆ เก๋ๆ ร้านเล็กๆ ชิคๆ ซ่อนตัวอยู่อีกเพียบ แต่สำหรับผู้ที่ชอบสีสันชีวิตชีวายามค่ำคืนนั้นไม่มีใครที่ไม่รู้จักย่านคาบูกิโชว (Kabukicho) แหล่งท่องราตรีอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ตลอดตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยร้านอาหารดีๆ, ร้านปาจิงโกะ, love hotels, และกิจกรรมบันเทิงอีกมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นชินจูกุนี้ก็มีมุมธรรมชาติอันสวยงามไม่แพ้ที่อื่นเช่นกัน ถ้าหากเบื่อจากการช้อปปิ้งหรือท่องเที่ยวแหล่งบันเทิงแล้วล่ะก็เราสามารถปลีกตัวไปเที่ยว Shinjuku Gyeon หนึ่งในสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียวซึ่งเต็มไปด้วยความร่มรื่น โดยเฉพาะช่วงที่ซากุระเบ่งบานนั้นที่นี่ถือเป็นหนึ่งแห่งยอดฮิตที่ผู้คนนิยมมาชมซากุระกันอีกด้วย
Tokyo Metropolitan Government
อาคารศาลาว่าการกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building) อาคารแฝดสูงตระหง่านใจกลางย่านศูนย์กลางธุรกิจของเขตชินจูกุ ออกแบบโดยสถาปนิกญี่ปุ่นชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก เคนโซ ทันเกะ (Kenza Tange) ผู้ออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกเมืองโตเกียว (ปีค.ศ.1962) และอาคารอนุสรณ์สันติภาพญี่ปุ่นเมืองฮิโรชิม่า อาคารมีความสูง 243 เมตร เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีค.ศ.1991 โดยมีความตั้งใจเพื่อให้เป็นแลนด์มาร์คอาคารสูงแห่งใหม่ของเขตชินจูกุ และเพื่อผลักดันให้เขตตะวันตกของชินจูกุเป็นย่านอาคารสำนักงานระฟ้าแห่งใหม่ อาคารถูกออกแบบให้เหมือนกันเป็นลักษณะสมมาตร มีลานกว้างอยู่ทั้งฝั่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของอาคาร โดยมีจุดชมวิวเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีที่ชั้น 45 ของอาคารทั้งอาคารทิศเหนือและทิศใต้
อาคารทิศเหนือ เหมาะสำหรับชมวิวทิวทัศน์ในเวลากลางคืน ส่วนอาคารทิศใต้เหมาะสำหรับชมวิวในวิสัยทัศน์แบบไกลๆในช่วงกลางวัน ซึ่งหากวันไหนฟ้าเปิดเป็นใจก็อาจมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้เลยทีเดียว
เวลาเปิด ราว 10:00-20:00
การเดินทาง
นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย M-Marunouchi Line (สีแดง) ลงได้ทั้งสถานี M08-Shinjuku และ M09-Shinjuku Sanchome
นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย F-Fukutoshin Line (สีน้ำตาลแดง) ลงสถานี F13-Shinjuku Sanchome
สถานที่ Tokyo Metropolitan Government
เปิด/ปิด : ตึกเหนือ 9.00-23.00น. ตึกใต้ เปิด 9.30-17.30น. (ปิดทุกวันอังคารที่ 1 และ 3 ของเดือน) ไม่ต้องกลัวว่าจะเมื่อมาถึงที่ตึกนี้แล้วจุดชมวิวจะปิดนะครับ เพราะเขาจะมีเปิดสลับกันไปมาครับ ไม่ปิดหมดทุกวัน
การเดินทาง
ลงที่ shinjuku แล้วเดินมาตามทางที่ปักหมุนไว้
ส่วนตัวแล้ว ที่นี่ผมเดินค่อนข้างมั่วมาก และไม่ได้เข้าห้างเท่าไหร่ ขึ้นไม่รู้จะแนะนำยังไงดี แต่คิดว่า อนาคตคงได้เจอกันอีก 555+
ระหว่างทางเดินมา เจอตึก Tokyo Metropolitan Government พอดี
ขึ้นตึกทางทิศ ตะวันตก (ไม่แน่ใจ ทิศที่เห็นฟูจิ ถ้าท้องฟ้าสดใส) คนขึ้นฝั่งนี้เยอะ ต่อคิวนานหน่อย แต่ขึ้นฟรี ok ไม่ว่ากัน
หลังจากชมวิว ก็เดินผ่านร้านแกงกระหรี่พอดี ได้เจอตู้สั่งอาหารครั้งแรกด้วย ตื่นเต้นๆ โชคดีไม่มีคนต่อ เลยมีเวลาศึกษาหน่อย
ก็ไม่มีอะไรมาก ดูรูปอันไหนน่ากิน เทียบตัวอักษรกับปุ่ม หรือถ้ามีตัวเลขก็สบายหน่อย หยอดเหรียญหรือแบงค์ลงไป กดปุ๋ม ก็จะได้ตั๋วมา เอาตั๋วที่ได้ ให้พนักงานได้เลย ที่หรือก็รอแดก
อร่อยดี ข้าวหมูทอดแกงกระหรี่
ปล. ข้าวเยอะชิบ กินข้าวไม่หมด
ร้านนี้ที่กิน
เดินหลงๆมาเจอถนนคนเดิน (เขาปิดถนน) เลยถ่ายรูปเล่นหน่อย
หลังจาก shinjuku ก็ นั่ง subway กลับมาที่ harajuku อีกทีนึง (พึ่งนึกออกว่ามี tokyo subway pass) กลับมาเดินที่ย่านนี้ (ตอนเช้า ย่านนี้ยังไม่เปิด)
เส้นสีแดง เป็นทางที่ผมเดิน ตั้งแต่สถานี harajuku (ทางซ้ายมือ) เดินขึ้นไป เลี้ยงขวา เข้ามานิดหน่อยจะเจอซอยที่คนเดินเยอะมาก มีคนแต่ง cosplay ด้วย
ตรงดาวสีเขียว ผมซื้อเครปสด กิน อร่อยดี (ข้างในมีอีกหลายร้านเลยนะ)
ที่จริงหลังจากออกจากซอยเล็กแล้ว จะมีถนนใหญ่เดินตรงยาวไปทางขวามือ ที่จริงก็ไม่มีอะไรมาก ร้านขายของหรูนิดหน่อย ส่วนตัวคิดว่าขเดินกลับมาขึ้นsubway เลยก็ได้นะ
ด้านในมี daiso ด้วยนะ
คนแน่นมาก
ซื้อเครปที่ร้านนี้ (เวลาซื้อก็จิ้มๆเอา อย่าไปพูดมาก เดียวงง)
อร่อยดี แต่แป้งเหมือนทำไม่ทัน ยังร้อนอยู่เลย (ผมคิดว่ามันควรจะกินแป้งเย็นๆนะ ครีมมันละลาย)
หลังจาก harajuku ก็มาต่อที่สุดท้ายของวันคือที่ Chibuya
เส้นแดงเป็นทางที่ผมเดิน (ถ้าจำไม่ผิด) เดิมมั่วๆ
ดาวเขียว เห็นเป็นจุดที่คนมาถ่ายรูปเยอะ เพราะมีตึกสูงปลายซอย เขียนว่า shibuya
ดาวฟ้า ร้าน GU 1ชั้น + Cross (แถวๆนั้น)
ดาวน้ำเงิน Uniqlo 4ชั้น (ถ้าจำไม่ผิด แถวๆนั้น)
รูปหมาน้อย ที่ชิบูย่า
ดาวสีเขียว จะเห็นรูปนี้ คนถ่ายกันเยอะดี มุมมหาชนมั้ง
GU ร้านเล็กๆ
ได้ cross มาคู่นึง
หลังจากเดินตามเส้นจนครบ ก็นั่ง subway กลับโรงแรมพักผ่อน
*เดินเยอะมากกกก
======================================================================
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 0 เตรียมตัวไป
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน plan
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 1 ไปดอนเมือง ลงนาริตะ นอน asakusa
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 2 เที่ยววัดasakusa ,ศาลเจ้าเมจิ เดิน shinjuku ,harajuku ,chibuya
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 3 วังอิมพีเรียล(ปิด) ,akihabara ,ueno ตึกม่วง ,ginza
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 4 ตลาดปลา Tsukiji ,สวนดอกไม้ Kokuei Showa memorial Park ,shinjuku
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 5 ไป kawaguchiko, Fuji shibazakura Festival, นั่งรถรอบ kawaguchiko lake ,Chureito Pagoda เจดีย์แดง
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 6 หมู่บ้านน้ำใส Oshino Hakkai,Gotemba Outlet, Hakone(ปิด)
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 7 Odawara ขึ้น shinkansen ไป Osaka , Umeda HEP Five, Tenjimbashisuji
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 8 kyoto ,Fushimi inari, nijo castle, kinkakuji, Ginkakuji, kiyomizu, arashiyama(ป่าไผ่+ศาล)
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 9 Osaka Castle, Kaiyukan, numba, dotomburi, den den town
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 10 numba, dotomburi, den den town, kuromon ichiba market, kansai airport
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน end สรุป ค่าใช้จ่าย ผิดพลาด อื่นๆ
======================================================================
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 0 เตรียมตัวไป
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน plan
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 1 ไปดอนเมือง ลงนาริตะ นอน asakusa
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 2 เที่ยววัดasakusa ,ศาลเจ้าเมจิ เดิน shinjuku ,harajuku ,chibuya
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 3 วังอิมพีเรียล(ปิด) ,akihabara ,ueno ตึกม่วง ,ginza
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 4 ตลาดปลา Tsukiji ,สวนดอกไม้ Kokuei Showa memorial Park ,shinjuku
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 5 ไป kawaguchiko, Fuji shibazakura Festival, นั่งรถรอบ kawaguchiko lake ,Chureito Pagoda เจดีย์แดง
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 6 หมู่บ้านน้ำใส Oshino Hakkai,Gotemba Outlet, Hakone(ปิด)
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 7 Odawara ขึ้น shinkansen ไป Osaka , Umeda HEP Five, Tenjimbashisuji
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 8 kyoto ,Fushimi inari, nijo castle, kinkakuji, Ginkakuji, kiyomizu, arashiyama(ป่าไผ่+ศาล)
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 9 Osaka Castle, Kaiyukan, numba, dotomburi, den den town
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 10 numba, dotomburi, den den town, kuromon ichiba market, kansai airport
เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน end สรุป ค่าใช้จ่าย ผิดพลาด อื่นๆ
======================================================================
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น