เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 3 วังอิมพีเรียล(ปิด) ,akihabara ,ueno ตึกม่วง ,ginza

สำหรับวันนี้ คือวันแรก ในสองวัน ที่ผมจะได้เที่ยว 555+ (วันนี้ akihabara วันรองสุดท้าย den den town)

ตื่นเช้าที่โรงแรมเดิม พร้อมผ้าที่ตากเต็มห้อง (ไม่ได้ถ่ายรูปนะ)
ที่โรงแรมมีห้องซักอบผ้าอยู่ด้านล่าง หยอดเหรียญได้เลย เตรียมเหรียญ 100yen เยอะๆนะ

ก็คล้ายเดิม เดินผ่าน วัดอาซากุสะ ตอนเช้า ก่อนจะนั่งรถไปดูวังอิมพีเรียล ที่ไม่รู้ว่าวันนี้มันปิด

เดินผ่านสวนเด็กเล่นด้วย เหมือนในการ์ตูนดีนะ

ถ่ายคู่กลับรถไฟใต้ดิน

ถ่ายตอนเดินข้าม (ไฟแดงพอดี)
อย่าไปถ่ายตอนไฟเขียวนะ น่าเกลียด

อาหารเช้าแบบขี้เกียจหากิน ซื้อร้าน 7-11 
ปล. โกโก้ อร่อยดี 
ปล. คำว่าโกโก้ ภาษาญี่ปุ่น เข้าใจว่าเป็นตัวนี้นะ  ココア




ชื่อ พระราชวังอิมพีเรียล (Tokyo Imperial Palace)
ประวัติ

พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace) เป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิญี่ปุ่นตลอดจนราชวงศ์อิมพีเรียล พระราชวังองค์ปัจจุบันนั้นตั้งอยู่บนที่ที่เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทเอโดะมาก่อนซึ่งในสมัยนั้นครองโดยโชกุนโตกุกาวะ (Tokugawa Shogunate) ผู้ที่ปกครองญี่ปุ่นตั้งแต่ ค.ศ.1603-1867 จนภายหลังนั้นระบบโชกุนได้ถูกล้มล้างอำนาจจนล่มสลายลงเพื่อเปลี่ยนระบบการปกครองใหม่ ราชวงศ์อิมพีเรียลจึงได้ย้ายจากเกียวโตมาประทับที่โตเกียวแทนในปี ค.ศ.1868 โดยได้สร้างพระราชวังใหม่ขึ้นบนพื้นที่นี้และแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1888
จุดยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวนั้นเห็นจะเป็นบริเวณโซนด้านหน้าพระราชวังที่เรียกว่านิจูบาชิ (Nijubashi) ซึ่งแปลว่า Double Bridge หรือ สะพานคู่ ซึ่งบริเวณนี้จะมีสะพานเหล็กที่อยู่ด้านหลังเพื่อเชื่อมเข้าเขตพระราชวัง และสะพานหินที่อยู่ด้านหน้าเพื่อเชื่อมต่อสู่สะพานเหล็ก (ที่มักปรากฏในรูปถ่ายนั่นเอง) ซึ่งสะพานด้านหน้านี้มักนิยมเรียกกันว่าเมกะเนะบาชิ (Meganebashi) หรือแปลความหมายได้ว่าสะพานแว่นตา ซึ่งมาจากภาพสะท้อนน้ำของโค้งหินสองอันนั่นเอง
อีกบริเวณหนึ่งที่น่าสนใจนั้นก็คือ Imperial Palace East Gardens ที่อยู่โซนด้านหลังพระราชวังซึ่งตรงจุดนี้จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมพระราชฐานด้านในได้ตลอดทั้งปี (ยกเว้นวันจันทร์, วันศุกร์, และตามประกาศของรางวัง) ด้านในนั้นจะมีการจัดสวนในสไตล์ญี่ปุ่นไว้อย่างงดงาม ซึ่งความจริงแล้วบริเวณนี้ก็คือสถานที่ตั้งดั้งเดิมของปราสาทเอโดะนั่นเอง และบริเวณนี้เรายังสามารถเห็นซากรากฐานดั้งเดิมของปราสาทเอโดะที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ซึ่งปราสาทแห่งนี้เดิมสร้างขึ้นเมื่อราว ปี ค.ศ.1638 และเคยเป็นปราสาทที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย แต่ภายหลังจากนั้นไม่กี่ปีมันก็ถูกไฟไหม้อันเนื่องมาจากเหตุอัคคีภัยเผาเมืองครั้งใหญ่ในราวปี ค.ศ.1657 และหลังจากนั้นปราสาทแห่งนี้ก็ไม่เคยถูกสร้างขึ้นใหม่อีกเลย คงหลงเหลือแต่รากฐานไว้ให้ดูต่างหน้าซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี แต่เมื่อเราได้เห็นรากฐานนี้ก็สามารถที่จะจินตนาการความยิ่งใหญ่ในอดีตได้ไม่ยากเช่นกัน

สถานที่


ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด: 9:00 - 17:00 น.
วันปิดทำการ: ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (วันเสาร์คนไปเที่ยวค่อนข้างเยอะ ทัวร์อาจจะเต็ม แนะนำให้ไปวันจันทร์-ศุกร์)

การเดินทาง
ขึ้นรถไฟใต้ดินสายคาราสุมะ (Karasuma Subway Line) -> ลงที่สถานีอิมาเดะกาว่า (Imadegawa Station) หรือ สถานีมารุตามาชิ (Marutamachi) -> เดินไปที่พระราชวังเกียวโตอิมพีเรียล * สถานีอิมาเดะกาว่าจะอยู่ใกล้กับทางเข้าพระราชวังมากกว่า

แนะนำจุดต่างๆ ที่ผมเดิน
ที่นี่ผมดันมาวันที่มันปิดพอดี เลยซวยไป ก็ไปเดินที่ Imperial Palace East Gardens ก่อนมาดูสะพานแว่น แต่น้ำน้อย เลยไม่ค่อยแว่นเลย เสียใจเล็กน้อยถึงปานกลาง



ทางเข้า Imperial Palace East Gardens


ไม่รู้ว่าอะไร แต่สวยดี

บ้านเมืองเก่า แต่ฉากหลังเป็นตึกสมัยใหม่

บังเอิญมาก เจอดอกฟูจิ ถึงจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็สวยดี 

สะพานแว่น... ไม่แว่น เสียใจ
ไม่ให้นู๋เข้าอีก เดินขาลากเลยนะนี่

หลังจากเดินจนขาลาก ก็ได้ไปพักฟื้นพลังที่อากิฮาบาระ เอิ๊ก แค่คิดก็มีความสุขแล้ว 

ชื่อ อะกิฮาบาระ (Akihabara)
ประวัติ
อะกิฮาบาระ (Akihabara) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าอะกิบะ (Akiba) นั้น เป็นย่านที่เต็มไปด้วยร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าตลอดจนเทคโนโลยีอันทันสมัยมากมาย ปัจจุบันย่านนี้ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งคอมพิวเตอร์, กล้องถ่ายรูป, เกมส์, อนิเมชั่น, ฟิกเกอร์ โมเดล (หุ่นประกอบ), การ์ตูน ตลอดจนเป็นสวรรค์ของเหล่าบรรดาโอตาคุทั้งหลายอีกด้วย

สถานที่
เวลาเปิด ทุกวัน 10.00-22.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย / เวลาปิดเปิดที่แน่นอนขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้าอีกที)
การเดินทาง นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย H-Hibiya Line (สีเทา) ลงสถานี H15-Akihabara
แนะนำจุดต่างๆ ที่ผมเดิน

จุดที่ ดาวไว้ เป็นจุดที่ผมเดินไป (เวลามีจำกัด เกินเวลาแฟนจะกัดแทน)
วงกลมสีน้ำเงิน เป็นสถานี subway
ดาวแดง เป็นร้านราเมงที่ผมกิน

*ผมเน้นร้านโมเดลเป็นหลักนะ ร้านหนังสือ,การ์ดและเกมส์จะผ่านๆไป
**http://pantip.com/topic/30355886 <<ลายแทง ที่ผมดูก็มาจากที่นี่นะ

1. https://goo.gl/maps/vdyxl  จุดแรก ถ้าจำไม่ผิด เป็นร้านขายโมเดลมือสอง เป็นตู้โชว์ ที่ชั้น 1 ส่วนชั้น บนขึ้นไป เป็นร้านขายโมเดลส่วนใหญ่
2. https://goo.gl/maps/evxrx จุดนี้เป็นร้านเล็กๆ ด้านในแทบๆ แต่ของราคา ok 
3. https://goo.gl/maps/VNg19 ร้านนี้อยู่ในซอกเลย มีของพอสมควร แต่ผมเสียเงินหนักสุดที่ร้านนี้ล่ะ 
4. https://goo.gl/maps/otH4n KOTOBUKIYA ร้านเขียวๆ ของเยอะดี
5. https://goo.gl/maps/tYLMV animate อันนี้เฉยๆ
6. https://goo.gl/maps/pfvhs ร้าน MANDARAKE เห็นว่าคนแนะนำเยอะ แต่ผมเฉยๆนะ
7. https://goo.gl/maps/0nUp6 Sofmap + Akihabara Tourist Information Center ของเยอะ เดินสบายหน่อย

ที่หลักๆที่ผมไป ใช้เวลาเดิน 4 ชม (2ชมแรกเดินครบ 7 ที่ อีก2 ชม ลังเลที่จะเสียเงิน)


ขึ้นมาจากสถานี ก็เจอท่านเทพพอดี ถ่ายรูปหน่อย

ถ่ายรูปคู่นิหน่อย

จุดที่ 5 animate


จุดที่ 1 ชั้นล่างสุด

ราเมงชุดล่ะ 700เยน


เซตนี้ 900เยนมั้ง 
ที่จริง 2 คนกินเซต 1000เยน ก็อิ่มแล้วนะ

ถ่ายรุปกับจุดที่ 7 sofmap 4แยก คนเต็มเลย

ถ่ายจาก sofmap มา ตึกไรไม่รู้

เจอตัวโปรด ดันเป็นตัวกับหัวแยกกัน (มาเจอตัวจริงเป็นกล่องทีหลังอีก ตังค์หายไปบานเลย)

ขึ้นมาบนตึก จำไม่ได้ตึกไหน

มิคุ มุคิ 

น้ำแอปเปิ้ลโซดายี่ห้อนี่ อร่อยมาก แนะนำๆ (ซื้อตามตู้เอา) มันเป็นรูปแอปเปิ้ล เขียนคำว่า sparkling 

สรุปความเสียหาย

หลังจากเดิน อากิฮาบะระ จบ ก็ไป ueno กันต่อเลย


ชื่อ สวนสาธารณะอุเอะโนะ (Ueno Park) +Ameyoko market และ Okachimachi  ตึกม่วง
ประวัติ
อุเอโนะ ย่านเก่าแก่ของกรุงโตเกียว มีสวนสาธารณะที่กว้างใหญ่ แหล่งช้อปปิ้งที่มีสินค้าราคาไม่แพง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยเฉพาะช่วงซากุระบาน หลายคนเลือกที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางเพราะเดินทางค่อนข้างสะดวกจากสนามบินนาริตะ อีกทั้งยังประหยัดอีกด้วย สามารถใช้รถไฟ เคเซ สกายไลเนอร์ ด้วยราคาเพียงหลักร้อยบาท วิ่งไปสุดสายที่สถานีรถไฟเคเซอุเอะโนะ (Keisei Ueno Station) โดยใช้สีน้ำเงินเป็นสัญลักษณ์
อนุสาวรีย์ท่านไซโงะ ทากาโมริ ท่านไซโงะ ทาคาโมริ ผู้มีบทบาทต่อสู้ฟื้นฟูอำนาจของจักรพรรดิคืนมาจากระบอบการปกครองแบบโชกุน
       ศาลเจ้าโทโชกุ เป็นเจดีย์สูง 5 ชั้น อยู่ใกล้ๆทางเข้าสวนสัตว์อุเอโนะ เป็นศาลไม้เก่าแก่งดงาม สถานที่ผ่านพ้นเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และผ่านสงครามโลกได้อย่างน่าประหลาดใจ อย่างไรก็ตามศาลเจ้าแห่งนี้เป็นเพียงศาลเจ้าเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยประวัติเก่าแก่
เปิดให้บริการทุกวัน : ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.30 น.
สวนสัตว์อุเอโนะ (Ueno Zoo) สวนสัตว์ที่เก่าแก่ที่ในญี่ปุ่น อายุมากกว่า 130 ปี มีสัตว์ให้ชมมากมายกว่า 2,600 ตัว
เปิด : อังคาร - อาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 09.30 - 17.00 น. ราคา ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็กอายุ 13 - 15 ปี 200 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ฟรี ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 300เยน
       พิพิธภัณฑ์ศิลปะโตเกียว (Tokyo Metropolitan Art Museum) หอศิลป์ขนาดใหญ่ ภายในแบ่งย่อยออกเป็น 6 ห้อง มีศิลปะทุกแขนงให้ชมค่ะแต่จะจัดหมุนเวียนกันไป บางงานจะเปิดให้ชมฟรีค่ะ
เปิดตั้งแต่เวลา : 09.30 - 17.30น. ยกเว้นวันศุกร์ที่เปิด 09.30 - 20.00น. และจะปิดวันจันทร์ที่ 1 และ 3 ของเดือน
ราคาค่าบริการจะขึ้นอยู่กับนิทรรศการ
       พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) เป็นสถานที่รวบรวมโบราณวัตถุและสมบัติประจำชาติมากกว่าหนึ่งแสนชิ้น และพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่และกว้างขวางที่สุดในญี่ปุ่น
เปิด : วันอังคาร - พฤหัสบดี 09.30 - 17.00น. วันศุกร์ 09.30 - 20.00น. ส่วนวันเสาร์ - อาทิตย์ 09.30 - 18.00น. หยุดทุกวันจันทร์และช่วงเทศกาลปีใหม่ ค่าเข้าชม 600 เยน
 พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Museum of Nature and Science) เป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นมีพื้นที่จัดแสดงกว่า 10,000 ตารางเมตร มีโครงกระดูกไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ให้ชม  มีโรงภาพยนตร์เสมือนจริงให้ชมด้วย
วันอังคาร - อาทิตย์ เปิด 09.00 -  17.00น. วันศุกร์เปิด 09.00 - 20.00น. หยุดวันจันทร์และช่วงเทศกาลปีใหม่ ค่าเข้าชม 600เยน
       พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกห่งชาติ (The National Museum of Western Art) จัดแสดงผลงานศิลปะสะสมของ มัตสึกาตะ ของศิลปินชาวยุโรป ศตวรรษที่ 18 - 19
วันอังคาร - อาทิตย์ เปิด 09.30 -  17.30 น. วันศุกร์เปิด 09.00 - 20.00 น. หยุดวันจันทร์และช่วงเทศกาลปีใหม่ ค่าเข้าชม 420เยน
       พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านชิตะมาจิ (Shitamachi Museum) พิพิธภัณฑ์เล็กๆที่จัดแสดงวิถีชีวิตของชาวโตเกียวในช่วงปลายสมัยเมจิถึงต้นสมัยโชวะ ผ่านแบบจำลองและแบบวาดภาพ
เปิดอังคาร-อาทิตย์ :  ตั้งแต่เวลา 09.30 - 16.30 น. (หยุดวันจันทร์) ค่าเข้าชม 300 เยน
       Gurutto Pass ตั๋วใบเดียวเที่ยวพิพิธภัณฑ์ได้ทั่ว ซื้อได้ในราคา 2,000 เยน เป็นตั๋วที่ใช้เข้าชมพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ได้ 75 แห่งในเมืองโตเกียว มีอายุ 2 เดือนนับจากวันที่ใช้ครั้งแรก หาซื้อบัตรได้จากพิพิธภัณฑ์ทั้ง 75 แห่ง และร้านสะดวกซื้อที่มีเครื่องหมาย Gurutto ติดอยู่หน้าร้าน

ถนนสายช้อปปิ้งยอดฮิตแห่งย่านอุเอโนะ (Ueno) กลางโตเกียว  นี้ทอดยาวใต้แนวรางรถไฟตั้งแต่สถานี JR Ueno ไปจนถึงสถานี JR Okachimachi ที่อยู่ถัดไป ชื่อถนนสายนี้นั้นเป็นคำย่อที่มาจากคำว่า อะเมะยะ โยโกะโชว (Ameya Yokocho) ที่แปลกว่าตรอกร้านลูกกวาดอเมริกัน ซึ่งคำว่า อะเมะ เป็นคำเรียกที่ย่อมาจาก America แล้วที่เรียกอย่างนี้ก็เพราะว่าบริเวณนี้น่ะเมื่อก่อนเต็มไปด้วยร้านขายลูกวาดตลอดจนข้าวของที่มาจากอเมริกันหลังจากช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเอง
ปัจจุบันอะเมะโยโกะนั้นเต็มไปด้วยร้านรวงสารพัดชนิดกว่า 400 ร้าน (ที่แทบไม่มีร้านลูกกวาดเหลือให้เห็นเลย) ซึ่งในย่านช้อปปิ้งแห่งนี้จะมีตั้งแต่ตลาดขายของแห้งไปจนถึงของสด, ร้านผลไม้, ร้านของกินอร่อยๆ หลากเมนู, แหล่งช้อปปิ้งแฟชั่นเก๋ๆ ไปจนถึงเสื้อผ้ามาตรฐานสำหรับผู้ใหญ่, ร้านขายเสื้อผ้าตลอดจนอุปกรณ์กีฬาราคาถูก, ร้านขายกระเป๋าตั้งแต่คุณภาพพอทน (สำหรับคนที่อยากได้กระเป๋าเพิ่มสำหรับขนของกลับ) ไปจนถึงกระเป๋าเก๋ๆ, แหล่งขายนาฬิกา, ร้านแบรนด์เนมมือสอง, ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า, ร้านขายขนมของฝาก, ร้านปาจิงโกะ, โรงแรม, ห้างดังอย่าง 0101 (marui), ร้านรองเท้ายอดฮิตอย่าง ABC ที่มีกว่า 5 ร้านในย่านนี้, และอีกสารพัดอย่าง
อ้อ! แล้วก็ต้องขอบอกว่าใครที่อยากซื้อรองเท้าใส่ล่ะก็นี่เป็นแหล่งซื้อรองเท้าที่ดีที่สุดในโตเกียวเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะมีร้านดังให้เลือกนับสิบร้าน มีแบรนด์รองเท้าดังๆ ครบ มีรุ่นใหม่ล่าสุดเหมือนๆ กับย่านอื่นๆ แล้ว ก็ยังมีร้านค้าย่อยๆ ที่อาจได้รองเท้าในแบบเดียวกันแต่ราคาถูกกว่า ไปจนถึงรองเท้าเก๋ตกรุ่นที่นำมาลดราคากันแบบถูกสุดๆ นั่นยังไม่นับรวมร้องเท้ากีฬาแบรนด์ดังต่างๆ ที่ขายในกระบะแบบราคาย่อมเยา และข้อดีที่ว่าแต่ละร้านนั้นอยู่ไม่ไกลกันนักเหมาะอย่างยิ่งที่จะเดินซอกแซกสืบราคาก่อนที่จะตัดสินใจซื้ออีกด้วย

Okachimachi  ตึกม่วง อยู่ติดกับสถานี Naka-Okachimachi H-Hibiya Line (สีเทา)  H-16 ทางออก 3 ครับ ขึ้นมาปุ๊ปจะเจอทางเข้าตึก  ตึกม่วงเนี่ย จริงๆ มันคือห้างชื่อ Takeya 
ตลาดอะเมะโยโกะใกล้ๆ แถวนั้น  Ameyayokocho market

สถานที่

เวลาเปิด
 สวนสาธารณะอุเอะโนะ (Ueno Park) ทุกวัน 06.00-22.00 น.
 Ameyoko market และ Okachimachi  ตึกม่วง ทุกวัน 10.00-22.00 น.

การเดินทาง  รถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย G-Ginza Line (สีส้ม), H-Hibiya Line (สีเทา) ลงสถานี G16/H17-Ueno ทางออก  6 (Exit 6)

แนะนำจุดต่างๆ ที่ผมเดิน
จุดแดง ร้านไอติม+เครป
จุดเหลือง วัดสีทอง วัดอะไรไม่รู้
จุดม่วง เป็นตึกม่วง
ดาวสีทอง แถบ Ameyoko market


ล้างมือหน่อย เดิน akihabara มานานไปหน่อย 

จุดนี้สวยดี เป็นศาลเจ้าเล็กๆ มีไม้ดัด มองลงไปเห็นพื้นด้านล่างเลย

ร้านเครป ร้านไอติม ที่จุดแดง

เครป 1 ไอติม 1 อร่อยดี

วัดสีทอง รูปดันไม่ชัด

หลุมดำ ดูดแฟนผมหายไปเลย

ส่วนตัวนะ ตึกม่วง ตอนแรกคิดว่ายิ่งใหญ่มาก แต่กลับเล็กกว่าที่คิดไว้เยอะ  อึ้งเล็กน้อยถึงปานกลางเลย 
ส่วนร้าน uniqlo gu ที่นี่ก็ใหญ่ดี เดินก่อนถึง ตึกม่วงหน่อย อยู่ติดกับ JR (สะพานรถไฟลอย) ก็จมอยู่ที่นี่ราว 3 ชม (นั่งพักที่กระจก วิวสวยดี)

หลังจากนั้นก็ไป ginza ต่อ แต่แบตกล้องหมด เลยใช้มือถือแทน เดียวจะเอามาลงทีหลัง
ชื่อ  กินซ่า (Ginza)

ประวัติ
ย่านกินซ่า กลางกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นั้นถูกบันทึกไว้ว่าเป็นหนึ่งในแหล่งช้อปปิ้งอันหรูหรามีระดับมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก (one of the most luxurious shopping districts in the world) บริเวณโดยรอบย่านนั้นประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ชื่อดัง (และไฮด์เอ็น) มากมาย แถมยังเป็นที่ตั้งของ Brand Name Shop & Flagship Store ของสินค้าพรีเมี่ยมระดับโลกอีกมากมาย แล้วก็ยังมีคาเฟ่เก๋ๆ ไปจนถึงคาเฟ่หรูหรา ตลอดจนร้านอาหารอร่อยๆ ในแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิมแท้ๆ ซ่อนตัวอยู่ในย่านนี้อีกมากมายด้วย
แหล่งช้อปปิ้งห้างดังเลื่องชื่อนั้นอันดับแรกเห็นจะเป็น Matsuya (www.matsuya.com/foreigner/en) สาขากินซ่าที่โดดเด่นด้วยตัวตึกที่มีกระจกล้อมรอบอันทันสมัยและเป็นหนึ่งในอาคารที่สะท้อนถึงย่านกินซ่าซึ่งปรากฏในภาพถ่ายทั่วโลก แถมยังเป็นสถานที่ที่คนนิยมมาถ่ายรูปในย่านกินซ่ามากที่สุดอีกด้วย ภายในห้างนั้นมีสินค้าคุณภาพสูงที่คัดสรรเป็นพิเศษมากมายเพื่อจับกลุ่มลูกค้าในตลาดบนโดยเฉพาะ, ตึกต่อมาที่ดังไม่แพ้กันก็คือ Ginza Wako (www.wako.co.jp) ที่ตั้งอยู่บนหัวถนนของสี่แยกกินซ่า ซึ่งจุดเด่นของอาคารนี้ก็คือความเก่าแก่คลาสสิกแบบห้างสไตล์ยุโรปที่มีเอกลักษณ์อยู่ตรงนาฬิกาด้านบน ห้างอันเก่าแก่นี้ยังคงอนุรักษ์ตึกไว้อย่างดีเยี่ยม แต่ภายในนั้นมีสินค้าระดับพรีเมี่ยมให้เลือกหลากหลายแบรนด์เช่นกัน แล้วตึกนี้ก็เป็นหนึ่งสัญลักษณ์แห่งกินซ่าที่ปรากฏไปทั่วโลกและมีคนนิยมมาถ่ายรูปไม่แพ้กันอีกด้วย
อีกห้างดังของย่านนี้ก็คือ Mitsukoshi (www.mitsukoshi.co.jp) ห้างเก่าแก่ประจำย่านที่มีสินค้าไฮด์เอ็นด์จำหน่ายมากมาย, แต่ถ้าหากเดินออกมาหน่อยก็จะพบอีกห้างที่ก็ขึ้นชื่ออย่าง Printemps (www.printemps-ginza.co.jp) ที่ไม่ได้เน้นตลาดไฮด์เอ็นด์นักแต่เน้นความเก๋เสียมากกว่า และที่นี่เองก็คือที่ตั้งของ Uniqlo Marche (www.uniqlo.com/marche) ที่ตั้งอยู่บนชั้น 6-7 ซึ่งถือเป็นร้านขายเสื้อผ้าแบบ multi-brand ร้านแรกในไลน์ Uniqlo ที่มีตั้งแต่แบรนด์ Uniqlo, GU, PLST, Comptoir des Cotonniers และ Princesse Tam Tam อ้อ! แล้วก็ต้องขอบอกว่า Uniqlo Marche นั้นเป็นแหล่งช้อปปิ้งของสาวๆ โดยเฉพาะ เพราะ 90% เป็นสิ้นค้าผู้หญิง
 นอกจากนี้ที่นี่ก็ยังเป็นแหล่งรวบรวมช้อปของแบรนด์ดังมากมายตั้งแต่ Swarovski, Prada, Louis Vuitton, Chanel, Cartier, หรือตึกสุดเซ็กซี่อย่าง Abercrombie & Fitch, ร้าน Apple อันโดดเด่น, ไปจนถึง Uniqlo สาขาหลักสาขาใหญ่ที่จำหน่ายเสื้อผ้าที่แบรนด์ภายใต้ Uniqlo อีกด้วย

สถานที่

การเดินทาง
นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย M-Marunouchi Line (สีแดง), H-Hibiya Line (สีเทา), G-Ginza Line (สีเหลือง) ลงสถานี M16/H08/G09-Ginza

ที่นี่ผมไม่ได้ได้เดินอะไรมาก เหนื่อย + ไม่รู้จะเดินอะไร เพราะมีแต่ของแบรนด์ราคาแพงพอสมควรทั้งนั้นเลย ที่ไปก็มี Uniqlo อีกสาขานึง ที่นี่
ห้างไรไม่รู้ ที่ ginza 

apple store ที่ ginza


======================================================================

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 0 เตรียมตัวไป

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน plan

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 1 ไปดอนเมือง ลงนาริตะ นอน asakusa

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 2 เที่ยววัดasakusa ,ศาลเจ้าเมจิ เดิน shinjuku ,harajuku ,chibuya

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 3 วังอิมพีเรียล(ปิด) ,akihabara ,ueno ตึกม่วง ,ginza 

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 4 ตลาดปลา Tsukiji ,สวนดอกไม้ Kokuei Showa memorial Park ,shinjuku

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 5 ไป kawaguchiko, Fuji shibazakura Festival, นั่งรถรอบ kawaguchiko lake ,Chureito Pagoda เจดีย์แดง

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 6 หมู่บ้านน้ำใส Oshino Hakkai,Gotemba Outlet, Hakone(ปิด)

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 7 Odawara ขึ้น shinkansen ไป Osaka , Umeda HEP Five, Tenjimbashisuji 

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 8 kyoto ,Fushimi inari, nijo castle, kinkakuji, Ginkakuji, kiyomizu, arashiyama(ป่าไผ่+ศาล)

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 9 Osaka Castle, Kaiyukan, numba, dotomburi, den den town 

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน 10 numba, dotomburi, den den town, kuromon ichiba market, kansai airport 

เที่ยวญี่ปุ่น Japan2015 ตอน end สรุป ค่าใช้จ่าย ผิดพลาด อื่นๆ 

======================================================================

ความคิดเห็น