เที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเอง Ep.1 | พุงนิ่ม



ดู YouTube ได้ที่นี่


เพราะว่าซื้อตั๋วถูกทำให้เครื่องบินขาไปสิงคโปร์ ไปถึงเวลาประมาณ ตี2 ตอนแรกก็วางแผนนอนที่สนามบินเลย ซึ่งเท่าที่ดู ก็มีคนนอนตามทางเดินที่มีที่นั่งอยูตลอดทาง (ดูท่านอื่นรีวิวการนอนที่สนามบิน) เพราะถ้าไม่นอนสนามบิน ก็ต้องนั่ง แท็กซี่ มาหาโรงแรมอีก เปลืองกว่าเดิมมากเลย

พอดีได้รู้มาว่ามี Plaza Premium Lounge ซึ่งบัตร JCB สามารถเข้าได้ 1คนต่อ1ใบ โดยใช้สิทธิ์ได้ 2 ครั้งต่อปี และครั้งล่ะ 3 ชั่วโมง (ข้อมูลปี2018) ก็เลยกะจะเข้าไปนอนในนั้นแทน เพราะมีอาหารให้กินด้วย
*เข้าไปเช็คข้อมูลที่ http://www.th.jcb/th/consumers/platinum/airport-lounge/

ผมก็ออกจากบ้านช่วง 5โมงเย็น มารอแฟนที่สถานีพญาไท เพื่อไปต่อ airport link อีกทีนึง

ก็พึ่งสังเกตุว่าที่สถานีพญาไทมีร้านค้าขายของกิน ผุดขึ้นมาหลายร้านมากเลย มาซื้อของกินที่นี้ได้เหมือนกัน (ไม่น่ารีบกินรีบซื้อของจากหน้าบ้านเลย)

หลังจากแฟนมาก็นั่งรถไปถึงสนามบิน ก็รีบเข้าสนามบินผ่าน ตม ไปรอเครื่องบินขึ้นด้านในเลย โดยสายการบินที่ใช้เดินทางครั้งนี้คือ เจ็ทสตาร์ เอเชีย ซึงมีโปรตั๋วราคาถูก แต่ผมดันซื้อผิด เลยโดยยาวเลย เพราะตอนซื้อ ไม่ได้เช็คตอนจะจ่ายตังค์ว่า เป็นตั๋วสำหรับ 2 คนนี่ล่ะ (ซื้อที่ราคา 1 คน) เลยซวยเลย

ราคา 7497 บาท สำหรับ 2 คน  ซึ่งราคาที่ถูกที่ควรจ่ายจริง 2500 บาท ต่อ คนนะ
* ซื้อตั๋วผิดพลาดไปหน่อย

เดินขึ้นเครื่องล่ะจ้า
บางทีก็คิดนะ รถเมล์บินได้เปล่านี่
เมื่อถึงสนามบินชางฮี ที่ สิงคโปร์ ก็ไปหาที่นอนพักแถวนั้นก่อน เพราะว่า Lounge ให้เข้าแค่ 3 ชมเท่านั้น แล้วเครื่องบินก็ไปถึงก่อนเวลาเกือบ ชม อีก เครื่องบินเร็วเกิน

หลังจากหาที่ได้ แปปเดียวแฟนก็หลับไปเลย (ทำงานมา แล้วไปเที่ยวต่อเลย) ผมก็เลยมาเดินสำรวจสนามบินเล่นต่อ

สนามบินชางฮี ซึ่งเป็นสนามบินที่ได้รับรางวัลเยอะมาก แล้วก็ดีมากจริงๆ ขนาดค่อนข้างใหญ่มาก ห้องน้ำสะอาด มีตู้น้ำดื่มให้ดื่มตลอดทาง มีปลั๊กไฟและที่ชาร์ต USB ตลอดทางที่มีที่นั่ง และมีที่นวดเท้าฟรี นวดครั้งนึงประมาณ 20 นาที ผมก็เสพติดการนวดด้วย จัดหนักเลย

สนามบิน ชางฮี
สนามบิน ชางฮี
หมดสภาพ นอนที่สนามบินได้เลย

มีจุดชาร์ตแบต ปลั๊ก อยู่ทั่วสนามบิน

นวดเท้าฟรี กดเลือกเองได้ด้วย
หลังจากนวดเท้าจนพอใจแล้ว ประมาณ ตี 2 กว่าๆ ก็ย้ายไป Plaza Premium Lounge โดยใช้บัตร JCB เพื่อเข้าฟรี โดย 1 บัตร ต่อ 1สิทธิ์ เข้าได้ 3 ชั่วโมง 2ครั้งต่อปี

เพื่อไปนอนต่อ ส่วนผมก็ไปกินอาหารตอนดึกอีกรอบก่อนเข้านอน (นอนลำบากมาก เพราะที่นอนใหญ่ๆ มีคนจองไปหมดแล้ว เหลือแต่ที่เล็กๆ ) ตอนเช้าก็ตื่นสาย อาบน้ำ กินข้าวอีก ทำให้เกินเวลามา ชมกว่า สุดท้ายเลยต้องใช้สิทธิ์ที่เหลือ อีก 1 สิทธิ์ รวม 6 ชมเลย

* เสียดายมาก รู้แบบนี้ นอนข้างนอกจนเกือบเช้า แล้วเข้าไปอาบน้ำ กินข้าวใน Lounge น่าจะดีกว่าขากลับจะได้กลับมานั่งเล่นที่ Lounge ได้ด้วย

สำหรับคนที่ไปสิงค์โปร แล้วมีบัตร JCB ให้ลองเดินเข้าไป Plaza Premium Lounge ที่ Terminal 1 ชั้น 3 นะครับ

ทางไป Plaza Premium Lounge เดินตามป้ายไปเลย

ขึ้นบรรไดมาปั๊ป เจอปุ๊ปเลย


พอผ่าน ตม เข้ามาก็เอาใบเสร็จที่ซื้อ Sim net จากประเทศไทย มายื่นรับซิมที่สิงคโปร ซึ่งมีปัญหาทันที คือ ตอนซื้อแบบ 15 เหรียญมา เขาบอกว่าเปิด 24 ชม พอออกมาไปที่เค้าเตอร์ขาย บอกไม่มี ให้ไปอีกเค้าเตอร์นึง พอไปถึงก็ยังปิดอยู่ (เค้าเตอร์เปิด 24 hr มีแต่แบบ 30 เหรียญขาย) รอ 7โมง เปิด เกินไป 30 นาทีก็ไม่เปิด จนสุดท้ายจะตัดใจยอมเสียเงินแล้ว พอดีเดินไป Terminal 2 ก็ยังมีแรงฮึดอีกหน่อย เดินไปถามเค้าเตอร์ จนได้มาในที่สุด เสียเวลาไป ชม กว่า เซ็งมากเลย
* ถ้าซื้อ SIM 15 เหรียญ แนะนำให้ไปซื้อที่นอกสนามบิน ในสนามบินส่วนใหญ่มีแต่ 30เหรียญ มีแค่ไม่กี่เค้าเตอร์ที่มี 15 เหรียญ ขายให้ค่อนข้างเสียเวลามากด้วย
* อย่าลืมซื้อ บัตร EZ-Link มาด้วยนะ

เสียเวลารอมาก
ถ้าได้มาอีก ช่วง 3ทุ่ม - 8โมงเช้า อย่าไปซื้อจากไทยมาเลยนะ
แต่ถ้ามาเวลาอื่น 8โมงเช้า - 3 ทุ่ม ก็พอได้

อย่าลืมซื้อบัตร EZ-Link ด้วยนะ สะดวกมากๆ ใช้ได้ทั้งรถไฟใต้ดิน รถเมล์ ซื้อสินค้าต่างๆได้หมด
หลังจากได้ Sim เจ้าปัญหามาแล้ว ก็เดินมาขึ้น รถไฟใต้ดินของสิงคโปร์ โดยเดินมาตามป้ายได้เลย โดยสถานี Changi Airport MRT จะอยู่ terminal 2 และ 3 ค่าเดินทางประมาณ 2เหรียญ ขึ้นอยู่กับระยะ
เวลาวิ่งจะเริ่มรอบแรกประมาณ ตี 5 ครึ่ง จนรอบสุดท้าย 5ทุ่มโดยประมาณ

พอขึ้นมารถไฟมาจาก Changi Airport MRT แล้ว มาอีก 2 สถานี ก็จะบังคับให้ลง เพื่อเลือกไปต่อ พอดีผมพักที่ China Town ก็เลย ต้องนั่งสายสีเขียวไปทาง Tuas Link ต่อ เพื่อไปลงที่ Outram Park แล้วเดินย้อนกลับมาที่ โรงแรม CUBE - Boutique Capsule Hotel @ Chinatown

โรงแรม CUBE - Boutique Capsule Hotel @ Chinatown
สถานที่ https://goo.gl/maps/rkbGzCasUVkfS7aR9

ตอนแรกก็หา โรงแรม แคปซูนที่ ไชน่าทาว์ ไม่เจอ เพราะว่าด้านล่างทำเป็นร้านค้าอย่างอื่น ส่วนโรงแรมอยู่ชั้น 2-3 มีแค่รูเล็กๆ เป็นทางขึ้นไปเฉยๆ

ชั้นล่างขายอาหาร มีป้ายที่บอกว่าเป็นโรงแรม และประตูเล็กๆ ด้านข้างให้เดินขึ้นไปได้ 2 ทาง

RECEPTION

ป้ายไฟ โรงแรม CUBE

ห้องนอนแบบ แคปซูล


โรงแรมสะอาดดีครับ เปิดแอร์ทั้งวัน มี 2 ชั้น คือ ชั้นล่างที่เป็นล๊อบบี้ และมีห้องพักนิดหน่อย และชั้นบนที่มีห้องพักเกือบทั้งหมด สำหรับที่นี่เป็นโรงแรมแคปซูลทั้งหมด ซึ่งจะแบ่งเป็นห้องๆ แล้วเมื่อเข้าห้องก็จะมีห้องเล็กๆ สำหรับพัก อย่างที่ผมพัก ก็จะมีเตียงอยู่อีก 12 เตียง สำหรับ 24 คน ที่จะมานอนพัก ส่วนห้องน้ำที่นี่เป็นห้องน้ำรวม มีหลายห้องแต่สะอาดดีไม่มีกลิ่นอย่างที่คิดไว้

แต่มีข้อเสียอยู่คือ ทางเดินเขาใช้สเปรย์อัตโนมัติ ฉีดดับกลิ่น ซึ่งผมแพ้น้ำหอม เลยลำบาก แต่ในห้องนอน ไม่มีสเปรย์ดับกลิ่น และ ที่นี่ไม่มีลิฟท์ บรรไดล้วนๆ

หลังจากเอาของไปฝากแล้วก็เดินทางไปกินร้านอาหารเช้าชื่อดังของที่นี่ YaKun Kaya Toast ที่ร้านต้นตำหรับเลย (ที่สิงคโปร์มีสาขายเยอะมาก) โดยอาหารแนะนำคือ ชุดอาหารเช้าที่มี ขนมปังปิ้งใส้แยม KAYA (คล้ายสังขยา) ไข่ลวก กาแฟหรือชา

YaKun Kaya Toast สาขาต้นตำหรับของสิงคโปร์

เปิด ทุกวัน
จ-ศ 7.30-19.00
เสาร์ 7.30-16.30
อาทิตย์ 8.30-15.00
หยุดวันนักขัตฤกษ์
ค่าอาหารประมาณ 5เหรียญ ต่อ Set

Ya Kun Kaya Toast ร้านขายอาหารเช้าสไตส์สิงคโปร์ ยอดฮิต ที่มีสาขาทั่วประเทศ แต่ต่างประเทศ (ในไทยก็มี) เมนูหลักคือ ขนมปังปิ้งไส้แยมมะพร้าว (Kaya Toast With Butter) สาขาดั้งเดิมจะอยู่ในย่านไชน่าทาวน์ แถว Far East Square อาคารสีเหลืองยุคเก่า มีที่นั่งทั้งในและนอกร้าน คนเยอะมาด้วย

ร้าน Ya Kun Kaya Toast ร้านอาหารเช้าชื่อดังของสิงคโปร์

เมนู มีแค่นี้ล่ะ

สั่งเป็นชุดเลย ประมาณ 5 เหรียญ

ถ่ายไม่ทัน เละเลย
สำหรับร้านอาหารเช้านี้ เมนูขึ้นชื่อก็จะเป็น ขนมปังปิ้งจนกรอบ และทาแยมคายา ที่ทำมาจากมะพร้าว นั่นเอง โดยจะสั่งเป็นเซต หรือเดียวก็ได้หมด เพียงแต่ให้สั่งทีเดียวจบ จะดีกว่า เพราะต้องรอปิ้งขนมปังนานพอสมควร

วิธีการกินขนมปังปิ้งคายา ที่ถูกต้อง คือจิ้มไข่ลวกก่อนค่อยกิน

ตอนแรกรู้วิธีกินก็รู้สึกว่า แปลกๆ ขนมปังทาแยม ชุบไข่ลวกกิน ไม่น่าเข้ากัน แต่พอกินเข้าไปแล้ว มันอร่อยจริง แถมอร่อยสุดในการเที่ยวครั้งนี้แล้วล่ะครับ

สั่งกาแฟดำมากิน นึกไม่ถึงว่าจะเป็นกาแฟดำไม่ใช่น้ำตาลเลย

หลังจากกินขนมปังปิ้ง ไข่ลวก กาแฟ ชานม จากร้าน Ya Kun Kaya Toast เสร็จแล้ว ก็ไปซื้อบัตรเข้า Dome ใน Garden by the Bay ก่อน แล้วค่อยไปเที่ยวกันต่อ

Sea Wheel Travel 
https://goo.gl/maps/yVGrV9DjKUwF58XXA
Sea Wheel Travelในอาคาร  People's Park Centre ชั้น 4 (ขึ้นบรรไดเลื่อนตรงกลาง ชั้นบนๆ ป้ายสีเขียวหาไม่ยาก)
เขียวอยู่ร้านเดียว เดินขึ้นบรรไดเลื่อน ชั้นบนสุด หาไม่ยาก
เพราะเห็นแต่คนแนะนำที่นี่ทั้งนั้น Sea Wheel Travel ที่ขายตั๋ว ราคาถูกสุดสิงคโปร์ อยู่ประมาณชั้น 4 ได้ ต้องเดินหาในห้างอีกทีนึง ตอนแรกก็หลงทาง หาไม่เจอด้วย เดิน งงๆ ในห้าง โชคดีป้ายสีเขียวขนาดนั้น เลยเห็นพอดี

ผมก็เตรียมตัวพูดภาษาอังกฤษเลย

ผม "Hello I need to to to buy a a aaa tic ticket Yes I need to buy a two ticket."
พนักงาน "พูดไทยก็ได้ค่ะ"

มีคนไทยขายตั๋วอยู่ที่นู้นด้วย ผมอุตส่าห์พูดอังกฤษ พูดไทยสวนกลับมาเลย หน้าแหกเลย

สะพาน Henderson Waves 

 
เปิดทุกวัน ทุกเวลา
ค่าชมฟรี

สะพาน  Henderson Wave สะพานรูปเกลียวคลื่นเฮนเดอร์สัน เวฟ สะพานลอยข้ามถนนที่สูงที่สุดในสิงคโปร์ ถ้ามา แนะนำให้มาช่วงเย็นๆ กลางคืน จะสวย น่าถ่ายรูปกว่ากลางวัน แล้วก็ไม่ร้อนด้วย

นอกจากนั้นก็จะมีที่เที่ยวระหว่างทางด้วย (ตามทางที่เดินไปน่ะล่ะ) ก็จะมี ทางเดินป่า Faber Walk , ทางเดินลอยฟ้ากลางป่า Forest Walk , สะพานอเล็กแซนเดอร์ อาร์ค Alexander Arch

หลังจากซื้อตั๋วแล้ว ก็นั่งรถไฟใต้ดินไปดูสะพาน Henderson Wave ต่อ ซึ่งมาลงที่ สถานี Vivo City จากนั้นก็เดินขึ้นเขาตรงๆเลย เดินผ่านจุดที่สามารถขึ้นกระเช้าไป เกาะเซนโตซ่า ด้วยก็แวะถ่ายรูปสักพักนึก ก่อนที่จะเดินไปที่สะพาน Henderson Wave ต่อ

หน้าห้าง VIVO city

ด้านหลังนี่ ไม่ใช่หมอกนะ ควันฆ่ายุง

ต้นไม้สูงใหญ่มาก

จุดขึ้นกระเช้าลอยฟ้า ไปเกาะ Sentosa

ระยะทางดูเหมือนไม่ไกลมาก เดินสบายๆ แต่บอกก่อนเลยว่า เดินขึ้นเขานะ
คืออากาศ ร้อนมาก ชื้นมาก เดินอยู่ในป่า ไม่มีลมพัดเลย เดินขึ้นเขาราว 500 m แล้วเดินต่อเนื่องอีก 1 km เหงื่อทั่วมาก ตอนมาก็คิดว่าจะใส่กางเกงยีนส์ตัวเดียวตลอดทริป พอเจอแบบนี้เลยต้องไปซื้อกางเกงเพิ่มเลย เหม็นสุดๆ ไม่ได้เหงื่อออกขนาดนี้มานานแล้ว

พอเดินไปสักพักใหญ่ๆ ก็ถึงสะพาน Henderson Wave ก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อย เป็นสะพานที่ ถ่ายรูปสวยดี ที่จริงมาตอนเย็นน่าจะสวยกว่านี้ เพราะเปิดไฟเป็นสี ตัดกับตัวสะพานที่เป็นเส้นๆ

หลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้ว ก็เดินลงมา เพื่อขึ้นรถเมล์ กลับไปที่ China Town เลย เพื่อที่จะไปกินข้าวมันไก่ที่ ศูนย์ อาหาร Maxwell Food Centre

ตอนแรกจะเดินไปต่อจนสะพาน Alexandra ต่อ แต่ไม่ไหวแล้ว ทั้งเหนื่อย ร้อน และหิวมากด้วย

ถึงแล้ว สะพานลอย Henderson Waves

ด้วยรูปทรงที่แปลกตา ถ่ายรูปเลยดูสวย (ถ้ามากลางคืน จะมีการเปิดไฟด้วย น่าจะสวยกว่านี้เยอะ

สะพานลอยที่สูงจนเห็นวิวเลย

แอบคิดว่า จะมีคนที่ เดินขึ้นไป ข้ามสะพานเลย เพื่อข้ามถนนไมนี่


Maxwell Food Centre

เปิดทุกวัน 11.00-20.00
ค่าอาหารประมาณ 3-5เหรียญ

ศูนย์อาหาร Maxwell Food Centre เป็นศูนย์รวมร้านอาหารที่ China Town ซึ่งมีร้านข้าวมันไก่สิงคโปร์ ชื่อดัง Tian Tian Hainanese Chick Rice อยู่ในศูนย์อาหารด้วย ราคาอาหารโดยเฉลี่ย 3-5 เหรียญ

ออกจาก Henderson Wave นั่งรถเมล์ไปลงแถวๆ China Town เพื่อเดินไปกินข้าวมันไก่สิงคโปร์ ร้านดังชื่อ Tian Tian Hainanese Chick Rice ที่ศูนย์อาหาร Maxwell Food Centre และลองลักชา ที่เป็นอาหารพื้นเมืองของที่สิงคโปร์ด้วย

ศูนย์อาหาร Maxwell คนเยอะเหมือนกัน ร้อนด้วย

ข้าวมันไก่สิงคโปร์ชื่อดัง

ลักชา อาหารพื้นบ้าน

ข้าวมันไก่ที่สิงคโปร์  เนื้อไก่จะนุ่ม ชุ่มน้ำมาก ไม่แห้งเหมือนข้าวมันไก่เมืองไทย คือข้าวมันไก่อร่อยกว่าข้าวมันไก่ไทยน่ะล่ะ เพียงแต่น้ำจิ้มไม่ค่อยถูกปากเลย ถ้ามีน้ำจิ้มข้าวมันไก่บ้านเราไปด้วย คงจะดี จัดจ้างดี 

ลักชา อารมณ์ เส้นขนมจีน กับน้ำยาจืดจาง แต่เผ็ด แล้วก็มีลูกชิ้นต่างๆ เนื้อต่างๆ ให้เลือกกิน ก็สำหรับผม ไม่อร่อยอ่ะ เผ็ดด้วย

แล้วก็เดินไปซื้อน้ำที่ 7-11 กินเล่นดู 2 กระป๋อง โปรโมชั่น ก็อร่อยดีนะ โซดากลิ่นผลไม้ หรือน้ำผลไม้อัดลม ไม่แน่ใจ

ที่สิงคโปร์ น้ำเปล่ากับน้ำหวาน ราคาเท่ากัน


วัดพระเขี้ยวแก้ว สิงคโปร์ 
เปิด ทุกวัน 7:00 - 19:00
ค่าเข้าฟรี

วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว เป็นที่ประดิษฐานของพระทันตธาตุ (ฟัน) ของพระพุทธเจ้า มีชั้นใต้ดิน 3 ชั้น ชั้นบนดิน 4 ชั้น และมีชั้นลอยกับ ดาดฟ้าด้วย เราสามารถเดินชมได้เฉพาะชั้นบนดินเท่านั้น แนะนำให้ขึ้นลิฟท์ไปชั้นบนสุด แล้วเดินลงมาตามบันไดจะสบายกว่า ชั้นบนสุดมีระฆังให้หมุนขอพรด้วย

วัดพระเขี๊ยวแก้ว ที่ ChinaTown สิงคโปร์

ไหว้พระจากด้านหน้า ทางเข้าได้เลย

ระฆัง ที่ขอพรโดยจับที่ระฆัง หมุนตาม 3 รอบ

เป็นวัดไทยในสิงคโปร์ ที่ชื่อดัง และอยู่ใน China Town น่ามาเยี่ยมชมมาก เข้าฟรี แต่ถ้าแต่ตัวโป๊ไปทางวัดจะมีเสื้อคลุม กางเกงคลุม ให้อีกทีนึง (ส่วนใหญ่ก็โดนใส่กางเกงทุกคนล่ะ ผู้หญิงน่ะ) 

ชั้น 4 เป็นที่เก็บรักษา ฟัน พระพุทธเจ้าไว้ เราสามารถดูอยู่ห่างๆได้ (ผมมองไม่เห็น) แล้วก็เป็นห้องไว้สำหรับ นั่งสมาธิ และสวดมนตร์ด้วย (ผมไปตอนสวดมนตร์พอดี เลยต้องรีบออก เกรงใจเขา) 
* ชั้น 4 ห้ามถ่ายรูป

ชั้น 3,2 เป็นพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด วัตถุโบราณ และร้านขายของฝาก ของที่ระลึกอยู่

ข้างวัดมีซอย ที่เป็นตลาดนัดคนเดิน มีร้านขายของตลอดทาง

คนจะแน่นช่วงเย็นๆ ตอนนี้ยังบ่ายๆ ร้านพึ่งเปิด คนเลยน้อย

ชอบรูปนี้สุดในทริปสิงคโปร์ล่ะ

ข้างๆวัดพระเขี้ยวแก้ว ก็จะมีตลาดนัดคนเดิน ย่านไชน่าทาวน์ China Town มีร้านค้ากระจายไปตามซอยต่างๆ ปิดถนนไม่ให้รถวิ่งผ่านเลย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านอาหาร ร้านขนม ร้านขายของฝากของที่ระลึก 

เดินเพลินๆได้ที่นี่เลย

Mei Heong Yuen Desserts
เปิด 12.00-21.00
ขนมหวานและน้ำแข็งไส ราคา 2.5-7 เหรียญ
Mei Heong Yuen Desserts ร้านขนมหวาน น้ำแข็งไส ชื่อดังของ สิงคโปร์ มีหลายสาขาเช่นกัน สาขานี้อยู่ข้างๆโรงแรมพอดี เลยมากินตรงนี้แทนเลย

วิธีการกิน ก็เดินไปสั่ง แล้วบอกเลขที่โต๊ะ จ่ายเงิน แล้วรอรับอาหารได้เลย

ปกติไม่ค่อยยอมกินของหวานน่ะนะ

สั่งจานเดียว แบ่งคนล่ะครึ่งก็ได้

สำหรับขนมหวานที่นี่ ไม่ค่อยหวานเท่าบ้านเรา แต่ผมชอบนะ มันไม่หวานเกินไปน่ะ กินแล้วสบายๆดี เย็นชื่นใจ เหมาะกับเมืองร้อนขนาดนี้ 

หลังจากกิน Mei Heong Yuen Desserts เสร็จแล้ว ก็กลับที่พัก แล้วไปหาพี่สาวแฟน ที่มาสิงคโปร์พอดี พาไปเที่ยวหน่อย 

โรงแรมแมนดาริน ออร์ชาร์ด สิงคโปร์

ไปรับพี่สาวแฟนที่โรงแรมใน Orchard แล้วก็พาเดินเที่ยวใน Orchard พาไปซื้อของฝากแถวนั้น

Lucky Plaza

Tangs Market

เพราะว่าเป็นห้างขายของไม่แพง และ มีของฝากขายหายที่ด้วย สะดวกดี ซื้อเสร็จแล้ว ก็จะได้เอาไปเก็บไว้ที่โรงแรมเลย แล้วก็พาไปกินร้านอาหารเช้าชื่อดังด้วย Yakun Kaya Toast (แต่กินตอนเย็น)

มารับพี่หมวย ที่ Orchard Road ก่อน

พามากินอาหารขึ้นชื่อของสิงคโปร์ก่อน

พาขึ้นรถไฟ ไป Garden By The Bay ต่อ

Garden By The Bay
เปิด 05.00-02-00(อีกวันนึง) ปิด 02.00-05.00
เรือนกระจก ทางเดินลอยฟ้า Children Garden เปิด 9.00-21.00
ค่าเข้าชมเรือนกระจก Flower Dome และ Cloud Forest 28เหรียญ
ค่าเดินลอยฟ้า 8เหรียญ
ที่เหลือ ฟรี

สำหรับการมาวันนี้ เป็นเพียงการมาเพื่อมาชม Garden Rhapsody เวลา 19.45 และ 20.45 ทุกวัน
ตอนหน้า ตอนที่2 จะมาลงรายละเอียดเพิ่มอีกทีนึง
ต้องบอกว่า เดินผิด ชีวิตเปลี่ยนมากๆ เพราะเดินพลาดจริงๆ เดินอ้อมไปเหมือนเลย ตอนแรกเห็นมีสะพานลอย ก็นึกว่าข้ามได้ ที่ไหนได้ มันออกมาจากตึก Marina Bay Sand พอเดินเข้าไปในตึก ก็ไม่ให้ไปเพราะเป็นทางเดินเฉพาะแขกในโรงแรมที่จองห้องไว้เท่านั้น เลยเดินตรงยาวไปถึงอีกฝั่งก็ออกไม่ได้ บังคับให้ข้ามสะพาน เดินย้อนกลับมาที่ทางเข้าโรงแรมอีกรอบ ก่อนเดินริมถนน ไปรอดใต้สะพานแล้วไปเข้าอีกฝั่งนึงแทน เหนื่อยมาก

แนะนำให้ขึ้นรถไฟมาลงที่สถานี Bayfront แล้วออกมา จะมีทางเดินใต้ดิน เข้าไปที่ Garden by the Bay เลย ไม่ต้องเสียเวลาเดิน

เส้นทางที่เดินผิด เหนื่อยมาก อ้อมมากด้วย
กว่าจะมาดู Garden By The Bay ได้ แทบแย่

หลังจากชม Garden Rhapsody แล้ว ก็เดินกลับมาทางเดิม แล้วเดินไปที่สะพาน ฮีลิกซ์ Helix Bridge แต่ก็ไม่ไหว หิวมาก เลยเข้ามาที่ Marina Bay Sand เพื่อมาหาอาหารกิน (ไม่ค่อยอยากกินในห้าง กลัวแพง) ก็โชคดี มองลงมา เห็นศูนย์อาหารพอดี เลยเข้ามาพัก กินอาหารที่นี่เลย

เมื่อเข้ามา ก็จะอยู่ที่ชั้นบนสุด (งง เข้ามายังไงชั้น 4 หว่า)

ผัดหมี่

นาซี เลมัก

บักกุ๊ตเต๋
สำหรับอาหาร รอบดึก ไปกินในศูนย์อาหาร ที่ห้าง Marina Bay Sand ราคาก็จะแพงขึ้นอีกหน่อย ที่กินก็มี 3 อย่างคือ
  • บักกุ๊ตเต๋ ที่นี่น้ำซุปจะเข้นๆ เหมือนน้ำต้มกระดูกหมู ที่ละลายแล้ว รสชาติดีอยู่
  • นาซี เลมัก มันคือข้าวราดแกงเมืองไทยชัดๆ แต่เราต้องเลือกของแห้งๆมากินนะ คือส่วนใหญ่ก็จะมีไก่ทอดให้ มีไข่ให้ ถั่ว ปลาแห้ง 
  • ผัดหมี่ Char Kway Teaw ก็ผัดหมี่ดีๆนี่ล่ะ อร่อย เหมือนเมืองไทยเลย แต่ให้น้ำจิ้มสุกี้มาด้วย งงๆ

เส้นทางเดินจาก Garden By The Bay ไป Merlion
สะพานเหล็กเกลียว ที่มีไฟสีแดง คือ สะพาน ฮีลิกซ์ Helix Bridge

เดินไปที่ Garden By The Bay แล้วเดินกลับมาที่ Marina Bay Sand เพื่อมากินอาหาร ก่อนที่จะเข้าสะพานเกลียว ฮีลิกซ์ Helix Bridge แล้วไปดู สิงโตพ่นน้ำ Merlion กันต่อ สรุปเดินไปเกือบ 10 กิโลได้มั้ง เหนื่อยสุดๆ แต่ก็โชคดี ได้ดู Wonder Full ด้วย

โชว์ Wonder Full 
เวลาโชว์ประมาณ 20.00 21.00 ใช้เวลา 15 นาที

ในที่สุด ก็มาถึง Merlion จนได้ 

ถ่ายรูปกัน ไม่แบ่งรูปมาให้เราใช้บ้างเลย 

จากนั้นก็พาพี่แฟนไปส่งที่ Orchard และไปโอนรูปภาพ วิดีโอ เข้าไปเก็บในคอมไว้ด้วย เพราะช่วยหลังจากเดินที่ วัดพระเขี๊ยวแก้ว memory เต็มซะงั้น โชคดีพี่แฟนมา เลยเอาไปฝากไว้ได้

จบการเดินทางสำหรับ เที่ยวสิงคโปร์ Singapore 2018 ตอน 1

ขอบคุณมากครับ

=======================================================
อ่านตอนอื่นๆใน พุงนิ่ม Blogger
=======================================================
เที่ยวสิงคโปร์ Singapore 2018 ตอน 0 เตรียมตัวไป
เที่ยวสิงคโปร์ Singapore 2018 ตอน 1 สนามบินสิงคโปรชางชีม , China Town ,  Henderson wave , Orchard Road , Marina Bay
เที่ยวสิงคโปร์ Singapore 2018 ตอน 2 ย่านบูกิสและกัมปง กีลาน , Little India , Marina Bay.Fort canning park , สนามบิน สิงคโปร์ 
เที่ยวสิงคโปร์ Singapore 2018 ตอน บทสรุป ปัญหาต่างๆ ค่าใช้จ่าย
=======================================================

=======================================================
ดู YouTube เที่ยวสิงคโปรใน พุงนิ่ม Channel
=======================================================
เที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเอง Ep.1 | พุงนิ่ม
เที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเอง Ep.2 | พุงนิ่ม
สรุปค่าใช้จ่าย สิงคโปร์ | พุงนิ่ม
สรุปเที่ยวสิงคโปร์ 3วัน 2คืน จบใน 5 นาที | พุงนิ่ม
=======================================================

============================= แนะนำ ติชม ได้ในคอมเม้นจ้า ============================= รบกวนกด Like & Subscribe ด้วยนะครับ Youtube >>> https://goo.gl/GnbgKJ
Fanpage >>> https://facebook.com/phungnim.panwasit ============================= ขอบคุณมากครับ
=============================
คลิกด้านล่าง เพื่อไปเรื่องที่ใกล้เคียงกันได้เลยจ้า

ความคิดเห็น