รีวิว ข้อดี และ ข้อเสีย Saramonic Blink 500 หลังใช้งานจริง (ข้อเสียอยู่ด้านล่าง) | พุงนิ่มชวนรีวิว

Saramonic Blink 500
รีวิว Saramonic Blink 500

รีวิว ข้อดี และ ข้อเสีย Saramonic Blink 500 หลังใช้งานจริง | พุงนิ่มชวนรีวิว


สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำไมโครโฟนตัวใหม่ของผม

Saramonic Blink 500

ตัวนี้เป็นไมโครโฟนแบบไร้สาย ตัวใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อ Vlog มาก ยิ่งออกนอกสถานที่ ยิ่งต้องใช้เลยล่ะ สำหรับช่วงนี้นะ

สำหรับผม ผมซื้อแบบ 1 ตัวรับ 1ตัวส่งแบบ 3.5mm มานะ เผื่ออนาคตอยากใช้กล้อง หรือ Action Camera ก็จะได้ใช้ ไมค์ตัวนี้ได้เลย 3.5mm

สำหรับคนที่ไม่คิดจะใช้กล้องเลย จะใช้แต่มือถือเพื่อถ่ายวิดีโอ Saramonic Blink 500 ก็ยังมี ตัวรับ ที่สามารถต่อกับมือถือได้เลย ทั้ง USB Type C ของ Android และ Lightning ของ Iphone ค่อนข้างสะดวกเลย แต่ต้องบอกนิดนึงว่า ถ้าใครซื้อมาใช้ ลองเช็คด้วยว่า ยังจะสามารถใส่ เคส มือถือได้อีกหรือเปล่า

แล้วก็ Saramonic Blink 500 เราสามารถ ซื้อตัวรับมาเพิ่มในอนาคตได้ด้วย (Pairอีกทีนึง) หรือตัวไหนเสีย ก็ซื้อตัวใหม่มาเชื่อมได้เลย ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลย

เมื่อซื้อมาจะมีเป็นกล่องสวยหรูมาให้ ก็เก็บกล่องนี้ไว้ในไปเที่ยวเลยก็ได้นะ
เมื่อเปิดกล่องก็จะพบกับ

  1. คู่มือการใช้งานพร้อมตัว Pair มาด้วย (เหมือนที่กดเปลี่ยนซิมมือถือ)
  2. มีตัวส่ง และตัวรับ TRANSMITTER & RECEIVER นอนนิ่งในกล่อง ซึ่ง Pair มาให้เรียบร้อยแล้ว
  3. มีสายชาร์จแบต ตัวรับ ตัวส่ง อย่างล่ะเส้น จำนวน 2 เส้น *ไม่มีที่ชาร์ต
  4. ไมโครโฟนแบบมีสายยาวประมาณ 1 เมตร (สำหรับใช้ติดกับ Saramonic Blink 500 )
  5. สาย 3.5 mm 2ตัว (สำหรับต่อกล้อง และต่อมือถือ)
สาย 3.5 mm สำหรับเข้ามือถือ จะเป็นสายตรง ตรงปลายจะมี 3 เส้น 

สำหรับ ตัวส่ง TRANSMITTER ของ Saramonic Blink 500 ก็จะมีปุ่มด้านหน้า เป็นปุ่มเปิด ปิด เครื่อง และมีไฟอยู่ โดยไฟจะเป็นทั้งการแจ้งเตือนการเปิดเครื่อง และ ความดังของไมโครโฟนด้วย 
ด้านข้างก็จะมี ปุ่มเพิ่มลดเสียง กด 2 ปุ่ม เพื่อ Pair 
อีกฝั่งก็จะเป็นที่เสียบไมค์ 3.5 mm กับ ที่ชาร์ตแบต (เปิดแบบนี้ ไม่กันน้ำ ระวังด้วยนะ)
ด้านบนจะเป็น ไมโครโฟน Build-in ด้วย (ต้องบอกว่าเด็ดมาก ลดเสียงรอบข้าง เสียงดีด้วย ชอบมาก)


สำหรับ ตัวรับ RECEIVER มีปุ่มเปิดเครื่อง โดยมีไฟเป็นจุดเล็กๆ (ถ้าไฟขึ้นค้าง คือใช้ได้เลย แต่ถ้า กระพริบ คือไม่สามารถเชื่อมต่อกับตัวส่งได้) ด้านข้างก็จะมีปุ่มให้กด Pair (ต้องใช้ตัวแหลมๆกด) และรูเสียบ 3.5 mm ด้วย และที่ชาร์ตแบต USB
*ตัวรับ RECEIVER ตัวหนีบจะใส่ Hot Shoe ได้พอดีเลย

วิธีการใช้งาน หลังจากเปิดเครื่องแล้ว ถ้าไฟตัวรับ กระพริบ ให้กดแพร์ก่อน โดนไปกดปุ่มเพิ่ม และ ลดเสียง พร้อมกัน เพื่อ Pair ใหม่ ถ้าตัวรับ ไฟขึ้นค้าง ก็เรียบร้อยแล้ว

สำหรับตัวส่ง ให้หนีบที่ปกเสื้อ ใกล้ๆปากได้เลย หรือจะใช้ ไมค์มีสาย เสียบก็ได้เหมือนกัน เรื่องน้ำหนักนี่ เบามาก ประมาณ เหรียญ 5 บาท 5 เหรียญเอง สบายใจได้

ข้อดี
1. น้ำหนัก เบามาก ตัวส่ง 34กรัม ตัวรับ 29กรัม (ประมาณเหรียญ5 ทั้งหมด 5 เหรียญ)
2. ขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับ ไมคไร้สายทั่วไป (เล็กกว่าครึ่งเลยนะ)
3. สามารถซื้อตัวที่ไปติดกับมือถือได้เลย (เฉพาะตัว USB-C หรือ Lightning  แต่ผมซื้อแบบปกติ 3.5mm)
4. เคลมว่าใช้งานต่อเนื่อง 5 ชม (แต่คงไม่ได้ลองให้ดูนะ เพราะผมคงชาร์ตแบตตลอด)
5. ระยะ แนะนำคือ 30 เมตร แต่ถ้าไม่มีอะไรบังเลย 100 เมตร แต่คงไม่มีใครห่างเกิน 10 เมตรล่ะ ยิ่ง Vlog ทำคนเดียว ยิ่งบอกได้เลย คงไม่ได้อยู่ห่างจากกล้องเกิน 10เมตร
6. ตัวรับที่ผมซื้อ สามารถหนีบเข้ากับ HotShoe ได้เลย
7. ตัวส่ง สามารถรองรับ ตัวรับ 2 ตัว จะซื้อทีล่ะตัว หรือ 2 ตัวก็ได้

ข้อเสีย
1. ราคาพอสมควรอยู่ (ตอนแรกจะซื้อไมค์ไร้สาย ราคาราว 3,000 บาท อันนี้ 5,310 บาทเลย)
ที่ร้าน  https://store.lnwgadget.com/
2. การหมุนตัว หรือ ตัวคนบังระหว่าง ตัวรับตัวส่ง ไม่แน่ใจว่าได้กี่เมตรนะเดียวมาลองดู ที่คุยกับที่ร้าน เขาบอกว่า สัญญาณหายไป 3 วิเลย
3. ไม่มีตัวรับเสียงให้คนฟัง (อาจต้องซื้อสายแยกเพิ่มเพื่อให้คนถ่ายเช็คเสียง) แต่ใช้โปรแกรมช่วยเช็คได้ ผมแนะนำ 2 โปรแกรม
Open Camera อันนี้เป็นโปรแกรมถ่ายวิดีโอสำหรับคนที่ แอฟถ่ายวิดีโอ ในมือถือ ไม่รองรับ การเชื่อมต่อเสียงจากภายนอก (ต้องไปปรับเอง)
Motiv Audio เป็นโปรแกรมเช็คว่า เสียบสายไมค์ เข้าหรือเปล่า ซึ่งสะดวกกว่า Open Camera เพราะถ้า Open Camera จะเช็คเสียง ต้องกดอัดเสียงเพื่อดูว่ามีเสียงเข้าหรือเปล่า

ข้อควรรู้
1. การส่งสัญญาเป็นแบบ ดิจิตอล คือมีแค่ เสียงชัด กับเสียงหายเท่านั้น คือถ้าพลาด เสียงหายไปเลย
2. แบตในตัว ถ้าเสื่อมก็ต้องไปเข้าศูนย์ เพื่อเปลี่ยนแบตเลย ไม่รู็ค่าแบตกี่บาท แพงหรือเปล่าหว่า
3. รับประกัน 1 ปี

สำหรับอย่างอื่น ถ้าผมใช้แล้วรู้สึกว่า ข้อดี ข้อเสีย มีเพิ่ม ลองตามไปดูที่ Blogger นะ เพราะว่ายังไม่ได้ลองใช้งานแบบจริงๆจังๆเลย แค่ลองที่ร้าน lnwgadget เอง

ทดสอบการใช้งานจริง
ในบ้าน
ระยะใกล้ หมุนตัว ดูว่าสัญญาณขาดหรือเปล่า
ระยะไกล 5 เมตร หมุนตัวดูว่า สัญญาณขาดหรือเปล่า
ทดสอบ ไมค์สาย เสียบตัวรับแทน (เสียงดังขึ้น เพราะไม่ได้ปรับเสียงให้เท่านั้น)

นอกบ้าน
ระยะใกล้ ทั้งแบบ ไมค์ Blink 500 ไมค์สายเสียบ ไมค์ของ Huawei Mate 20X ทั้ง 3 แบบ
ไมค์ Blink 500 ส่วนตัวชอบมากที่สุดนะ เสียงฟังชัดมากๆ เสียงรบกวนน้อยมาก
ไมค์สาย อาจเป็นเพราะตั้งเสียงดังไว้ เสียงเลยก้องมาก ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย
ไมค์ของมือถือ ก็ตามสภาพ เสียงรบกวนเต็มเลยจ้า

ระยะไกลประมาณ 10 เมตร (กลัวคนขโมย ไม่กล้าไปไกลมาก)
ทดสอบเสียงทั้งจาก ไมค์มีสาย และ ไมค์ Build-in
การหมุนตัว ก็ไม่มีปัญหาอะไร

ข้อเสีย ปัญหา Saramonic Blink 500
ข้อเสียหลังจากการใช้งานจริง Saramonic Blink 500


ข้อเสีย ปัญหา Saramonic Blink 500 หลังจากการใช้งานจริง

1. มีพวกเหล็ก พลาสติกหนาๆ มาบังนิดหน่อย เสียงหายจ้า
2. เวลาแบตหมด ไม่มีอะไรเตือนเลยจ้า แค่แสงไฟเล็กๆมันดับ ถ้าเป็นตัวรับ ยิ่งมองไม่เห็นเลย
3. ตัวรับกดปิดเครื่องนานมาก นึกว่าปิดเครื่องไปแล้ว กลายเป็นยังไม่ปิดเครื่องเฉยเลย สุดท้ายแบตหมด ซวยเลย (น่าจะทำสวิตซ์เลื่อนเปิดปิด จะดีกว่า)
4. ระดับเสียงเวลาเปลี่ยนไมโครโฟน ระหว่าง ไมค์หนีบปกเสื้อ กับ ไมค์ในตัวเครื่อง ระดับเสียงไม่เท่ากัน (ที่ทดลอง ไมค์หนีบปกเสื้อ ดังกว่ามาก)

*คลิปรีวิวชานม เสียงหายไป ทำให้เสียช่วงนั้นทั้งช่วงเลย
*ช่วงยกเครื่องนึ่งขวดนมมา เสียงหายไปแว๊ปนึง แต่หายหลายแว๊ปอยู่


=============================
แนะนำ ติชม ได้ในคอมเม้นจ้า
=============================
รบกวนกด Like & Subscribe ด้วยนะครับ
https://goo.gl/GnbgKJ
กดที่นี่ติดตามช่อง พุงนิ่ม ได้เลย
ติดตามความเคลื่อนไหวผ่าน FanPage พุงนิ่ม ได้เลย
ติดตามรูปภาพบน Instagram พุงนิ่ม ได้เลย

=============================

ขอบคุณมากครับ
=============================
คลิกด้านล่าง เพื่อไปเรื่องที่ใกล้เคียงกันได้เลยจ้า

ความคิดเห็น