เที่ยว เขาค้อ 2018

เที่ยวเขาค้อ 2018 

เที่ยวรอบนี้ ต้องการมาดูทะเลหมอกอย่างเดียวเลย เพราะที่ผ่านมา 5 รอบ มาแล้วไม่เจอทะเลหมอกเลยสักครั้งเดียว บวกกับซื้อเต้นท์ลดราคาที่โลตัสมา นอน 3 คน 500 บาท (นอน 2 คน อีกที่นึงไว้วางกระเป๋าวางของพอดี) 

ตั้งใจว่าเป็นทัวร์แบบสบายๆ แล้วก็เผื่อวันไว้ ถ้าไม่เห็นทะเลหมอก ก็จะนอนเพิ่มอีกคืนนึง (สรุปเห็น เลยนอนคืนเดียว)


สำหรับเรื่องทะเลหมอก ตำแหน่งส่วนใหญ่ก็คงจะที่เดิมๆ ที่ยากก็จะเป็นเรื่อง ทะเลหมอกจะเกิดหรือเปล่า เท่าที่หาข้อมูลมา เดือน 9-10 เป็นช่วงที่ดีที่สุด (ปลายฝนต้นหนาว) โอกาสเห็นเยอะ ถ้าฝนไม่ตก แต่เมฆเยอะ โอกาสเห็นก็เพิ่มขึ้นอีก ถ้าไม่มีลมตอนเย็น โอกาสเห็นหมอกก็เยอะขึ้นอีก 

รอบก่อนๆ มาเที่ยวก็เดือน 1-2 เลย ไม่เคยเห็นทะเลหมอกเลย อากาศเย็นจริง แต่ แห้ง และ ลมแรงด้วย

วันแรก 
ออกจากบ้านมาแต่เช้าเลย ก็ไม่คิดว่าคนจะเริ่มมากันแล้ว ระหว่างทางรถเยอะอยู่ แถมแต่ล่ะคันก็รู้เลยว่า มานอนเต้นแน่ๆเลย (มีของบรรทุกบนหลังคา เป็นถุงๆเลย) จุดหมายแรกไปจองที่กางเต้นก่อนเลย ที่ ไปรษณีย์เขาค้อ (มีคนแนะนำเยอะมาก) เป็นตำแหน่งที่ดี สูง แล้วไม่มีอะไรบังเลย 


ต้องขอโทษด้วย อารมณ์เสียตอนเช้า เลยไม่ได้ถ่ายรูปเลย แอบเสียดายเล็กๆ

ไปรษณีย์เขาค้อ มีทั้งแบบ เอาเต้นท์มาเอง มีเต้นท์ให้เช่า โดยรวมก็สะดวกดี ไม่แพง แต่มีปัญหานิดหน่ยอที่ ห้องน้ำมีน้อยมาก (เหมือนผั่งล่ะ 3 ห้องเองมั้ง) เตรียมยืนรอต่อคิวได้เลย
สำหรับคนที่จะมาเที่ยวที่นี่ มากางเต้นท์ ต้องมาเช้าจริงๆ ไม่งั้นไม่ได้ตำแหน่งดีๆเลย ผมมาถึงตอน 11 โมง ก็เติมเกือบหมดแล้ว จุดที่วิวดี มีแค่ตรงลานกลาง ตรงกลางๆเท่านั้นเองที่ยังว่าง แถมมาดูห้องน้ำแล้ว จำนวนคนต่อห้อง คงรอไม่ไหว (ผมเป็นพวก ปวดอึแล้ว ต้องอึให้ได้ใน 15 นาที นานกว่านั้น เละแน่นอน) แถมแฟนบอกจะอาบน้ำด้วย เลยตัดใจไม่นอนที่นี่ ไปนอนลานกางเต้นท์ข้างๆแทน (ราคาไม่ต่างกันมากนัก)

หลังจากกลางเต้นท์เสร็จแล้ว ใน plan คือจะนอนเล็กที่เต้น อากาศเย็นๆ แต่ผิดคาด ไม่มีที่ร่มเลย แดดจัดมาก ร้อนสุดๆ จนต้องไปที่อื่นเลย

Pino Latte

ร้านอาหาร และ ที่พัก ราคาค่อนข้างแพง สำหรับผมอยู่ เค้กราคาประมาณ เกือบ 200 บาท เครื่องดื่มราคาเริ่มต้นที่ 80 ขึ้นไป มีอาหารบ้าง ทำเลสวย มองเห้นวิว แต่รถคันเล็กมาหลายคนจะลำบากหน่อย เพราะทางแคบ แถมชันมาก เห็นรถคันนึงต้องให้คนลงเดินหมดเลย เพราะหมดแรงขึ้น


ป้ายร้าน

บรรยากาศหน้าร้าน ถ้าอากาศเย็น แดดไม่จัด คงจะดีมากเลย

เค้กน่ากิน แต่ไม่กล้าซื้อ แพงเกินไป 

อาหารติมซำของสุรพล (อาหารแช่แข็ง)


ด้านล่างน่าจะเป็นที่พัก แต่ไม่ได้ไปดู


วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว


มองจากร้าน Pino Latte ไป ก็จะเห็นพอดี และเป็นทางเข้ามาทางเดียวกันด้วย ก็เลยไปแวะสักหน่อย
โดยรวมแล้ว มีถนนผ่านกลาง วัดมี 2 ฝั่ง ฝั่งที่มีเจดีย์ และ ฝั่งที่มี พระพุทรรูป ด้านในเป็นที่จอดรถ ถ้าของวัดจอดฟรี แต่ไม่มีป้ายบอก ให้ขับรถเข้าไป เลยวัดด้านขวามือจะมี ถนนเล็กๆ ให้วิ่งเข้าไปเลย (ปล. คนโบกรถจะพยายามไม่ชี้ที่จอดฟรี) ถ้าหาไม่เจอ ให้วิ่งเลยไปกลับรถ แล้ววิ่งย้อนกลับมาจะเป็นป้ายพอดี
สำหรับที่จอดรถทั่วไป 30 บาทต่อคัน

วัดฝั่งเจดีย์ เป็นวัดที่ตบแต่งด้วยเศษแก้ว เศษกระเบื้อง จานชามต่อๆ ถ่ายรูป มองไกลๆ สวยดี น่าถ่ายรูปอยู่ โดยวัดมีประมาณ 4-5 ชั้น สามารถเดินขึ้นไปได้ เพื่อไปดูวิว หรือ นั่งสมาธิ ก็ได้ บางช่วงจะมีรูปวาด ที่สื่อถึง คติสอนใจ อยู่บ้าง

* แนะนำให้สวมถุงเท้ามาด้วย เพราะทางวัดให้ถอดรองเท้าเดิน พื้นค่อนข้างร้อน

ถ่ายรูปหน้าเจดีย์


ด้านใน

ถ่ายรูปพระพุทธรูปจากด้านบนเจดีย์

รูปภาพด้านใน เจดีย์ 



ข้ามมาอีกฝั่งนึง ที่เป็น พระพุทธรูป ก็มีไหว้พระ และปิดทองลูกนิมิต

ไหว้พระด้านหน้าได้เลย แล้วเดินปิดทองรอบๆ

หลังจากไหว้พระแล้วก็มาหาร้านอาหารกิน ที่นี่จำได้ว่าอาหารแนะนำคือ ขนมจีนหล่มสัก 

สั่งมากินมื้อแรกของที่นี่ (ตอนเช้ากิน 7-11) ก็ ตำไทย ขนมจีนชุดเล็ก (น้ำพริก น้ำยา แกงป่า) หมูย่าง 
อาหารที่นี่ เน้นหวาน หวานมาก ตำไทยก็หวานนำ หวามเผ็ดตาม ขนมจีนนิ่มอร่อยมาก แต่พอเอาน้ำพริกผสมลงไป กลายเป็น สลิ่มเลย หวานเจี๊ยบ ส่วนน้ำยาหนาวนำเผ็ดตาม ขนาดคนไม่กินเผ็ดอย่างผมยังกินได้เลย แต่แกงป่าเห็นว่ามีปลาร้าผสม ผมเลยขอผ่าน (ท้องเสียง่าย)

ขนมจีนเปล่า อร่อยจริง (แนะนำ) 

ทุ่งกังหันลม
เหมือนจะพึ่งเปิดไม่นานมานี้เอง โดยกังหันแต่ล่ะกังอยู่ห่างกันพอสมควร ช่วงที่วิ่งไปทางเหนือ ก็สามารถมองเห็นได้ด้วย เวลาขับรถเข้ามา จะมีรถติดอยู่จุดนึง ไม่ต้องตกใจ เพราะมีคนโบกรถให้หยุด เส้นนั้นค่อนข้างชันมาก ถ้าปล่อยรถไปทีเยอะๆ แล้วไปติดกัน จะเกิดอันตราย

จุดถ่ายรูป


เดินไปมีลานดอกไม้ด้วย ดอกอะไรก็ไม่รู้ สวยดี

กังหันลมจำลอง อันเล้กหน่อย ด้านหลังเป็นชิงช้า แต่สูงมาก


กว่าจะเสร็จ ก็ไปกินอาหารเย็น แถวๆที่กางเต้นน่ะล่ะ ไม่คิดอะไรมาก เดินไปเจอร้านคนน้อบ (น้อยมาก) ก็กินๆไป
ขายหมูกระทะทุกที่ที่มีเต้นท์

อาหารก็ยังหวาน แต่ไก่ทอดน้ำปลาอร่อยจริง

รถเริ่มเยอะแล้วก็เริ่มติดมากขึ้น


แล้วก็กลับไปที่พัก ลานกางเต้นข้างๆ ไปรษณีย์ ที่กางเต้นไว้เมื่อตอนกลางวัน ก็ตกใจเล็กน้อยถึงปานกลาง เต้นโผล่มาเยอะมาก ที่จอดรถแทบไม่มี กางติดๆกันไปหมดเลย แล้วก็มีปัญหาขึ้นมาทันที ห้องน้ำมี 3 ห้อง (น้อยกว่าที่ไปรษณีย์ แต่เต้นท์น้อยกว่ามาก คนไม่เยอะเท่า) น้ำไม่ไหล เลยไปถาม ก็รู้ว่า การประปา (มั้ง) ปิดก๊อกที่ไหลตามรีสอร์ททั้งหมด ปล่อยน้ำให้ชาวบ้านก่อน ถึง 6 โมงเย็น แล้วจะปล่อยน้ำให้ รีสอร์ท ทีหลัง จนถึง 2 ทุ่ม น้ำก็ไม่ไหล สุดท้ายเลยไปเอาน้ำดื่มแถมฟรีจากการเติมแก๊สมาให้แฟนอาบไปก่อน (ส่วนตัวเองล้างเท้าอย่างเดียวพอ เพราะเดียวเต้นท์มันเหม็น ขนาดทาแป้งดับกิน เต่าเหยียบโลก ยังเอาไม่ค่อยอยู่ แต่ถ้าไม่ทาก็หนักเลย)

กว่าน้ำจะไหล ก็น่าจะเที่ยงคืนเลยมั้ง นอนไปแล้ว อย่างนึงคือ ตำแหน่งมันสูงรองจากไปรษณีย์เลย กว่ารีสอร์ทด้านล่างจะใช้น้ำเสร็จ คนด้านบนก็เน่าพอดี 

อีกสิ่งนึงที่ขำมาก คือ คนที่มานอนเต้นแล้ว ต้องกินหมูกระทะด้วย เกินครึ่งเลย ไปซื้อหมูกระทะ มากินกัน จุดไฟควันเต็มไปหมดเลย (หมูกระทะมีขายตามร้านต่างๆ ส่วนอุปกรณ์มีทั้งเช่า แล้วก็ แถมมาให้ ถ้ากินเป็นชุดด้วย สะดวกมาก) เดินไปมาตามเต้นท์นี่ หัวไหม้เลย แต่ก็ดีอย่าง ควันที่เยอะมาก จะเป็นตัวไล่ยุงด้วย เพราะไม่มียุง ไม่มีแมลงเลย ตอนกลางคืน บริเวณเต้นท์ แต่จุดอื่นๆ ยังพอมีบ้าง

ตอนนอน ด้วยความที่เหนื่อย ตื่นแต่เช้าด้วย ขับรถทั้งวัน เลยนอนเร็วกว่าปกติ 2 ทุ่มกว่าก็เข้านอนแล้ว ก็เจอปัญหานิดหน่อย เต้นท์ข้างๆ เอานกแก้วมาเลี้ยงด้วย เรื่องเสียงนกก็ไม่เท่าไหร่ แต่เอาหนอนมาเลี้ยงนกด้วยนี่ล่ะ แฟนกลัวเลย ขำมาก (ส่วนตัวเฉยๆนะ) 

ด้วยความที่เรานอนเร็ว เต้นท์อื่นยังไม่นอนกัน ก็เลยเหนื่อยหน่อย เพราะเขากำลังเริ่มปาร์ตี้กันเลย ทำให้เสียงดังพอสมควร แล้วก็มีร้องเพลง เต้นรำ เอาลำโพงมาเปิดบนเขา ก็เลยนอนไม่ค่อยหลับ

ตอนดึกๆ รู้สึกมีบางเต้นท์ 18+ นิดหน่อย

ตอนตี 1 ได้ สะดุ้งตื่น ไม่รู้มีอะไรมาชนเต้นท์ ทำให้น้ำค้างเย็นๆ ในเต้นมันหยอดลงมาโดนหัว ตื่นตาแข็งเลย แล้วก็หลับๆ ตื่นๆ ยันเช้าเลย

บรรยากาพระอาทิตย์ตก ส่วนแฟนนั่งดูละครในเต้นท์

พอมีทางเดินให้เดินหน่อย แต่ตอนกลางคืน ทางเดินกลายเป็นที่ปิ้งหมูกระทะแทน

ห้องน้ำสังกะสีที่ไม่มีน้ำ 

ตื่นมาตอน ตี 5 (ตื่นๆ หลับๆ ทั้งคืน เลยขี้เกียจนอนล่ะ) ก็ตอนแรกมองไม่เห็นหมอกเลย นึกว่าต้องผิดหวังแล้ว แต่พอเริ่มสว่าง ก็เริ่มเห็นหมอก ก็ดีใจ กว่าจะได้เห็น มา หลายรอบแล้วก็ไม่เคยเห็นเลย ในที่สุดก็ได้เห็น ก็เลยปลุกแฟนขึ้นมาดู
แฟนก็ "อูวววววว ทะเลหมอก " ประมาณ 5 วินาที
แล้วก็หันมาถาม "แค่นี้หรอ" อืม แค่นี้ล่ะ
ทะเลหมอก ที่เธอตามหามา 5 ปี มีแค่นี้ล่ะ
....

ก็เลยเดินไปไปรษณีย์เพื่อไปดูวิวทะเลหมอกอีกรอบนึง ก็สวยดี แต่ก็ไม่มีอะไรต่อ อารมณ์ คนไม่กินลมชมวิวด้วย ก็เลยตัดสินใจกลับเลย ขี้เกียจอยู่ต่อล่ะ

ทะเลหมอกตอนเช้าที่กางเต้นท์

เดินไปดูทะเลหมอกที่ ไปรษณีย์ คนเดินไปเยอะเหมือนกัน ที่จอดรถแทบไม่มีเลย

ถ่ายูปคู่ทะเลหมอกหน่อย

ถ่ายมาก็ไม่สวย กล้องห่วย+เลนท์ห่วย+คนถ่ายห่วยสุดๆ เห็นแค่สีขาวๆเอง

ขากลับก็แวะซื้อของตามข้างทางหน่อย 

ผักแม้ว 7 กำ 100 บาท ขายแพงอยู่ แต่ก็ซื้อมาทำ

อโวกาโด้ เต็มไปหมดเลย

มะขาม

สำหรับทริปนี้ จุดประสงค์อย่างเดียวที่มา คือจะดูทะเลหมอกแค่นั้นเอง ส่วนที่เพิ่มเติมมาคือ อยากลองนอนเต็นท์ดู ว่าชอบหรือเปล่า แต่เท่าที่ลองดูแล้ว รู้สึกจะเฉยๆ (ชอบเพราะมันถูก จ่ายแค่ค่าที่กางเต้น )
อีกอย่างนึงที่เห็นตรงกันคือ ไม่ควรมาช่วงเทศกาลหยุดยาวเลย เพราะคนเยอะ ไปไหนมาไหนลำบาก แย่งกันกินกันใช้ ของแพงขึ้นด้วย


ความคิดเห็น