เที่ยวเชียงราย 07/2018



ปเที่ยวเชียงรายช่วงหน้าฝนพอดี เนื่องจากบังเอิญมีเวลาว่างกระทันหัน แฟนเลยอยากไปเที่ยวเชียงราย (ไม่รู้ทำไม) ก็เลยทำทัวร์ใน 3 วัน มีการย้ายแผนค่อนข้างเยอะ มีหลายที่ที่จะไปแล้วไม่ได้ไป รวมถึง ไปเพิ่มเติมจากแผนด้วย เพราะส่วนตัวมักไม่ค่อยอยู่ที่ไหนนานๆ กินลมชมวิวกับคนอื่นไม่ค่อยเป็น เป็นทัวร์แบบเร่งรีบ เวลาเลยมักจะเหลือเยอะ


จุดเด่นของไปเที่ยวรอบนี้ ก็คงเป็นเรื่องที่ ไม่มีคนเที่ยวเลย ดูเหมือนจะรอมาตอนปลายฝนต้นหนาว ถึงหน้าหนาว (เดือน 9 - เดือน 2 อีกปีนึง) ใครมานอกช่วงนี้ ไม่มีคนเลยจ้า ช่วงขึ้นเขามีรถขับผ่าน นับคันได้ ร้านอาหารเข้าไปสั่งปั๊ปได้ปุ๊ป โรงแรมลดอย่างต่ำครึ่งราคา (ที่ไป ลด 50% 2ที่ และ ลด 75% 1 ที่ จองผ่าน Agoda ) โล่งไปหมด ร้านขายของข้างทางก็หายไปหมดเหลือแค่นั่งร้านขายของสภาพผุผัง ในเมืองพอมืดยังพอมีคนบ้าง ส่วนนอกเมือง มืดแปปเดียวก็ไม่มีคนแล้ว (สถานที่ท่องเที่ยวตามดอย ไม่ต้องพูดถึงเลย) Silent Hill มาก

รถที่ขับไป ใช้แก๊ส LPG ปั้มแก๊สมีตลอดทาง ทุกๆ 300 kg ยกเว้นทางขึ้นดอย ไม่มีเลย (ขาขึ้นดอยจะใช้น้ำมันแทนบางส่วนด้วย กลัวเครื่องร้อนไป)

ที่จริงกะจะไปนอนเต้นด้วย แต่ที่ทำงานแนะนำว่าอย่านอนเต้นเลย หน้าฝน ไม่น่าสะดวก เอาเข้าจริง ฝนนิดเดียว แต่คนไม่มีเลย ดูอันตรายยังไงไม่รู้

ภาพรวมการเที่ยวในทิปนี้ วันแรก น้ำตกภูชาง ภูชี้ฟ้า วันที่สอง ภูชี้ฟ้า ดอยผาตั้ง สามเหลี่ยมทองคำ ไร่ชาฉุยฟง แม่สาย ไร่ชา101
วันที่ 3 ดอยตุง (สวนแม่ฟ้าหลวง กาดดอยตุง พระธาตุดอยตุง) ร้านชีวิตธรรมดา วัดเสือเต้น ทุ่งข้าว+วัดห้วยปลาก้าว บ้านดำ
วันที่ 4 วัดร่องขุน ไร่สิง น้ำตกขุนกรณ์ บ่อน้ำพุร้อนห้วยหมากเลี่ยม ตลาดนัดคนเดิน วันที่ 5 กลับบ้าน

* ขอให้แผนที่ใหญ่ เฉพาะจุดท่องเที่ยวบางจุดนะครับ เหมือน google map จะไม่ยอมให้ลงมากเกิน จุดที่เหลือเป็นลิ้งแทนนะครับ
==============================================================
วันที่ 1 น้ำตกภูชาง ภูชี้ฟ้า
เช้าวันแรก ตื่นตี 2 ล้อหมุน ตี3 วิ่งยาวไปเชียงรายเลย มีแวะเติมแก๊ส เข้าห้องน้ำตลอดทาง ทุก 1ชมครึ่ง (ขับคนเดียวนานๆไม่ไหว ต้องลงไปวิ่งไปแกว่งมือให้ตื่นบ้าง) กิน 7-11 กับร้านอาหารในปั้มเป็นหลัก

น้ำตกภูชาง https://goo.gl/maps/usGboyL9PF52
แล้วก็มาถึงที่แรก ที่ไม่ได้วางแผนเอาไว้ "น้ำตกภูชาง" ตรงทางขึ้น ภูชี้ฟ้า ส่วนตัวคืออยากพักหน่อย แล้วก็มาค่อนข้างเร้วกว่าที่คิดไว้ด้วย เลยแวะเลย

แต่พอลงมาเห็นบ่อน้ำซับอุ่น (ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นบ่อน้ำร้อน เอาเท้าไปแช่ได้) ก็ดีใจ จนกระทั่งได้เห็นความจริงอันโหดร้าย น้ำไม่อุ่นเลย แดดยังร้อนกว่า สะเทือนใจ

สำหรับค่าจอดรถ 20 บาท ค่าเข้า คนไทย 20 บาทต่อ คน (ถ้าจำไม่ผิด)



ป้ายน้ำตก พร้อม น้ำตกด้านหลังป้าย แต่กล้องมัน mm ต่ำ น้ำตกเลยเหลือนิดเดียว ไว้มีเก็บตังค์ซื้อกล้องสำหรับถ่ายภาพไกลๆอีกทีนึง

ทางขึ้นน้ำตก (ขึ้นบรรไดไปประมาณ ตึก 3-4 ชั้น ) 

มีกับดักระหว่างทางเล็กน้อย (หรือเราสร้างขึ้นมาเอง)
เอาจริงๆ เส้นทางสะดวก เดินง่าย เป็นทางสะพานทั้งหมดเลย 

ต้นไม้อะไรสักอย่างตรงทางขึ้น ใหญ่มาก สวยดี แต่ไม่รู้ถ่ายรูปยังไงถึงจะสวย

ดูในป้าย น้ำสีคราม สวย

บ่่อน้ำซับน้ำตา (บ่อน้ำซับอุ่น) มีฟองด้วย แต่เหมือนฟองจาก ตะไคร่น้ำมากกว่า ความร้อน ไม่กล้าเอาเท้าแหย่ลงไปเลย

ปวดขาเล็กน้อย จากการขึ้น และ ลง เขา ไปดู บ่อน้ำซับอุ่น 

หลังจากออกมาจากน้ำตกภูชาง ก็ขับรถขึ้นเขาไปภูี้ฟ้ามาเรื่อยๆ คนแทบไม่มีเลย รถสวนนับขับได้เลย ร้านขายของข้างทางก็ไม่มีคนถูกปล่อยร้างไว้ คงต้องรอฤดูท่องเที่ยวกลับมาอีกที ถึงจะคึกตักได้

ภูชี้ฟ้า


เอาจริงๆ ตอนแรก ไม่ได้กะขึ้นไปภูชี้ฟ้าเลยนะ ที่ขึ้นมา เพราะว่าพรุ่งนี้จะมาตอนเช้า กลัวจะมาผิดทาง และก็เวลาเหลือ เลยลองวิ่งขึ้นมาดูหน่อย ว่ายังไงบ้าง

ขึ้นมาถึงตอนเย็นๆ ก็มีรถจอดอยู่ 4 คัน เดาว่าคงเป็นของคนขายของที่ทางขึ้น 2 คัน เพราะตอนขึ้นไป เห็นอยู่ 2 ครอบครัวเอง ร้านขายมีเปิดอยู่ 3 ร้าน จาก 10 กว่าล๊อต ที่ไม่มีคนขาย ห้องน้ำฟรี (มั้ง) อากาศกำลังดี เย็นๆ สบายตัว

สุดท้ายแฟนอยากขึ้นไปดู เลยโดนดันขึ้นไป ปวดขาเลยจ้า ไม่น่าเลย แต่ก็โชคดี เพราะวันพรุ่งนี้เมฆหนามากจนมองไม่เห็นอะไรเลย

ป้ายก่อนที่ขะขึ้นไปข้างบน (จุดถ่ายรูปจุดเดียวเลยมั้ง)

วิวระหว่างทาง ที่เห็นด้านหลัง เป็น สปป ลาว นะครับ เห็นยังแม่น้ำโขงเลย

จุดถ่ายคู่ ภูขี้ฟ้า (คือคนเดินจนหญ้าแหวกเป็นทางเลย)

จุดที่ชี้ฟ้า แต่ถ่ายตรงนี้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ (มีรัวกันคนตกลงไปนิดหน่อย) 
ในภาพนี้คือหมดสภาพ เดินขึ้น 1 km กว่า (ชันตลอดทาง)

บังเอิญมีคนตามมา เลยขอให้ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย 

หลังจากเสร็จการเที่ยวในวันแรก ก็ไปกินร้านอาหารแถวๆนั้น เป็นร้านชาวบ้าน (เห็นเอาลูกผูกหลังเลี้ยง) กินอาหาร ตามสั่ง ก็มีปัญหาทันที คือ หวาน มาก อาหารทำไมหวานยังงี้ ไม่เข้าใจ หวานจนเกินไป สะเทือนใจเลย แล้วจากนั้นก็ไปนอนที่โรงแรม ไม่ขอบอกชื่อนะครับ ส่วนตัวไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ราคา 400 บาท (ราคาตามสถาพล่ะ) พื้นเหนียวๆ ไม่รู้ว่าเอาอะไรมาถูพื้น ก็ซุกหัวนอนพอ

================================================================
วันที่ 2 ภูชี้ฟ้า ดอยผาตั้ง สามเหลี่ยมทองคำ ไร่ชาฉุยฟง แม่สาย ไร่ชา101

ก็ตื่นจากที่พักตั้งแต่ ตี 4 ครึ่ง อารมณ์จะไปยืนดูพระอาทิตย์ ขึ้น แต่ขานี่ระบมไปหมดเลย ทั้งขึ้นไปดูบ่อน้ำซึมอุ่น และเดินไปดูภูชี้ฟ้าเมื่อวานก่อน ปวดมาก
(ปกติก่อนไปเที่ยวจะไปวิ่ง ออกกำลังกายตลอด แต่รอบนี้กระทันหันมาก เลยไม่ได้เตรียมตัวเลย)
ไม่อาบน้ำ 1 วัน ไม่น่าตาย ผมเลยทำตามคำนั้น ปล่อยแฟนอาบน้ำไปคนเดียว (หนาวเว๊ยยยยย)



สภาพที่พัก ตอนเช้าตรู่ 

ขึ้นไปบนดอยอีกรอบ (ที่เห็นหมอกๆ ตอนแรกนึกว่าหมอก ที่ไหนได้ เมฆ)

มาถ่ายรูปอีกรอบ ตอนเมฆเยอะมากๆ 

แม่เกือบคะนิ้ง แต่ความเย็นไม่ถึง แม่เลยไม่คะนิ้ง 
ส่วนผมบนหัวนี่ เปียกเลย นึกว่าเหงื่อออก น้ำจากเมฆนี่เอง

ถ่ายรูปที่เดิม กับเมฆ 

ก็เซ็งอยู่นะ  คือจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่หมอก (เมฆ) หนามาก จนมองไม่เห็นอะไรเลย พระอาทิตย์ก็ไม่เห็น มีแค่มันสว่างขึ้น วันนั้นกรมอะไรสักอย่าง บอกพระอาทิตย์จะขึ้นตอน 5.49 หรือยังไงนี่ล่ะ รอยัง 6.30 ก็ไม่เห็นพระอาทิตย์เลย แค่สว่างขึ้นเฉยๆ ก็เลยกลับเลย
มีคนมาเที่ยวประมาณ 4 ครอบครัวเอง ไม่มีคนเลย
จากภูชี้ฟ้า ก็ไป ดอยผาตั้งต่อ

ดอยผาตั้ง


จากภูชี้ฟ้าไปดอยผาตั้ง ไม่ไกลมาก แต่ด้วยทางที่ชัน และทางโค้งเยอะเหลือเกิน ทำให้เสียเวลาไปเยอะเหมือนกัน พักใหญ่ๆ ก็มาถึงดอยผาตั้งจนได้  ที่จอดรถ มีจอดอยู่คันเดียว คันผมนั้นเอง ร้านค้าปิดหมดตลอดทาง หมอกหนาเหมือนกัน (เมฆ) ขึ้นไปดูวิว ก็ไม่เห็นอะไรเลยเช่นกัน น่าเสียดาย และเนื่องจาก เดินไม่ไหวแล้ว เลยขึ้นไปแค่ไม่ถึงครึ่งทาง (ระยะทางรวม ประมาณ 1 km )
เส้นทางมา ดอยผาตั้ง เมฆคลุมตลอดทาง

ร้านค้าปิดตลอดทาง เข้าใจว่าปิดจริงๆ รอหน้าหนาวอีกที เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย

เส้นทางต่างๆ ส่วนตัวขึ้นไปแค่ พระพุทธรูป ก็ไม่ไหวแล้ว 

ที่ถ่ายรูปหว่างทาง

มุมที่เหมือนจะสวย แต่ถ่ายรุปยากมาก แสงจากข้างหลังสว่างาก ขนาดเปิด Flash ยังไม่ไหวเลย

พระพุทธรูป ที่เดินขึ้นมาถึง ตรงนี้มองวิวไม่เห็นอะไรเลย เพราะเมฆหนามาก 
อีกอย่างนึง นอกจากปวดขาแล้ว คือ ปวดขี้ด้วย เมื่อวานขับรถมา ไม่ได้เข้าห้องน้ำด้วยการถ่ายนักเลย สุดท้ายท้องไส้ปั่นป่วนอย่างแรง ลงจากดอยผาตั้ง แล้วขับรถไปไป สามเหลี่ยมทองคำต่อเลย แวะปั้มระหว่างทางอีกทีนึง โล่งเลย

สามเหลี่ยมทองคำ https://goo.gl/maps/EH5MUe75a5s

สามเหลี่ยมทองคำ เป็นจุดที่ 3 ประเทศชนกันพอดี (ไทย ลาว พม่า) จากจุดนี้ จะเห็น 3 ประเทศพอดี แล้วก็มีเรือพาชมด้วย (ไม่รู้ว่าไปลงเดินเล่นได้หรือเปล่า)


มาเดินเล่นที่นี่ ซื้อสัปปะรดลูกเล้กๆกิน อร่อยดี แล้วแฟนซื้อชุด ชาวเขาไปลองใส่ดู เพราะพรุ่งนี้ไปดอยแม่สลอง ด้วย
น่าจะเป็นป้ายที่คนต้องมาถ่ายรูปนะนี่ ดูดี น่าถ่าย (ข้างๆ ร้านกาแฟ แต่ยังไม่เปิด)

เรียก ประตู หรือ อนุเสาวรี ดี ไม่แน่ใจ แต่ด้านบนเป็นรุป 3 ประเทศ ชนกันพอดี

เดินดูของเล็กน้อย ได้เสื้อมาตัวนึง (ก้อนเหลืองๆที่กิน คือสัปปะรด)

ต่อจากสามเหลี่ยมทอง ก็ไป ไร่ชาฉุยฟงเลย เอาจริงตอนแรกจะไม่ได้ไป สามเหลี่ยมด้วยซ้ำ แต่เห็นเวลามันเหลือ ก็เลยไป เดินเล่นหน่อย (ที่จริงควรไป แม่สายก่อนไป ไร่ชาฉุยฟงด้วย)

ไร่ชาฉุยฟง
 

ไร่ชาที่ว่าสวย และดูดี (ก็สวยจริงนะ) มีอาหาร ขนมขาย (ดันพลาดขนมแนะนำ โรลชาเขียว ไปกิน เครปชาเขียวแทน อ่านรีวิวผิดนิดหน่อย) อากาศค่อนข้างร้อนเล็กน้อย คนก็พอสมควร แต่ดูจากพื้นที่จอดรถแล้ว ถ้ามาช่วงฤดูท่องเที่ยว น่าจะเหนื่อยน่าดู (ที่จอดรถใกล้ๆร้านอาหาร ที่ถ่ายรูป มีไม่เยอะ แต่ถ้าเต็ม ก็ไปจอดข้างล่างไกลเลย)
สำหรับอาหาร ยังติดหวานนิดหน่อย บะหมี่ซอสหมูยูนาน ที่คนอื่นแนะนำ ผมเฉยๆนะ
ป้ายสุดฮิต check in ต้องมาก่อน

สถาพไร่ชาจากมุมบน

มีที่นั่งลอยห้อยขาให้ถ่ายรุป

ราคาอาหาร ให้ผ่านอยู่ 

หมั่นโภวชาเขียว บะหมี่ซอสยูนาน สลัดทูน่า ข้าวเกรียบ(ไม่รู้แถมมากับอะไร) ทุกอย่างมีใบชาผสมอยู่ 
พึ่งรู้เอาใบชามากินดื้อๆเลยก็ได้ 
โดยรวมแล้วก็อร่อยดี (ไม่รวมบะหมี่นะ ไม่ค่อยถูกปาก) 

อันนี้น้ำชาเขียวเย็น แฟนบอกอร่อย แต่ผมรู้สึกหวานไปหน่อย 

ถ้าหวานน้อยกว่านี้ จะอร่อยมากๆเลยจ้า 

ที่เชียงรายนี่ อะไรก็หวานไปหมดเลยวุ๊ย

หลังจากเสดจาก ไร่ชาฉุยฟงแล้ว ที่จริงต้องไป ไร่ชา 101 เลย แต่ด้วยเวลาที่เหลือมากไป กับจะไปกินร้านอาหาร  "ร้านอิ่ม โภชนา ดั้งเดิม" ตอนเย็นด้วย เลยตัดสินไป วนไปแม่สายก่อน แล้วค่อยกลับมา ไร่ชา 101
*  ร้านอิ่ม โภชนา ดั้งเดิม หาไม่เจอด้วย เจอร้าน น้องอิ่ม หรืออะไรประมาณนี้แทน ดูเหมือนร้านอาหารสำหรับขายให้นักท่องเที่ยเกินไป ดูไม่น่ากินด้วย เลยไม่กิน

 แม่สาย https://goo.gl/maps/uFdfsfxnxUT2

จากไร่ชาฉุยฟง ก็ย้อนกลับไปที่แม่สาย ไปเดินดูตลาด แต่ไม่ได้ข้ามไปฝั่งลาวนะ เพราะเท่าที่อ่านในเน็ตแล้ว สินค้าขายไม่ต่างกันมาก ส่วนใหญ่มักไปวัดเพื่อไปไหว้ มากกว่า รวมถึงที่อำเภอมันไกลจากประตูข้ามแดนเยอะ (เอารถไปจอดแล้ว ถึงรู้) เลยไม่ไปดีกว่า

ใครอยากเข้าไปฝั่งลาว ก็ดูขวามือ ตอนใกล้ๆถือ จะเห็นอำเภอ ป้าย"ทำบัตรผ่านชั่วคราวที่นี่" นะครับ ค่าผ่านไม่แพงมาก

ตลาดแม่สาย ก็น่าจะอารมณ์ สำเพ็ง กทม นี่ล่ะ มีของขายตามตรอกซอย ให้เดินไปเรื่อยๆ ใครชอบเดินก็คงฟินเลย
สำเพ็งชัดๆ แต่คนไม่เยอะ

สินค้ามากมายแต่ไม่ได้ซื้อ โถถถถ

ที่จริงก็เสียดาย ระหว่างทางไปแม่สาย มีร้านอาหารอยู่ร้านนึง "จันกะผัก" ผมไม่ได้ไปกิน ทั้งที่วางแผนเอาไว้ เพราะเลื่อนแผนเยอะมาก แต่ไม่เป็นไร
สำหรับการเดินในตลาดแม่สายก็ไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่ เสื้อผ้า กับ ของฝาก ของกินเป็นหลัก

 ไร่ชา101
 
วนกลับมาที่ไร่ชา 101 ไม่ไกลมาก แต่ทางโค้งเยอะจนถึงช้าเลย ไร่ชา 101  เหมือนจะได้รางวัลอันดับต้นๆ อะไรสักอย่างนี่ล่ะ แล้วก็เพื่อนที่ทำงานแนะนำมาด้วย (ฝากซื้อชาหมื่นลี้ด้วย) ก็เลยตัดสินใจมาอีกไร่นึง

ก็พอมาถึงเย็นพอดี คนไม่ค่อยมี ไม่มีมากกว่า ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวนี่มันดีจริงๆ ก็มีคนแนะนำมาแนะนำชา ชงชาให้กิน กินจนอิ่มเลย ก็ซื้อชามานิดหน่อย (คือถ้าเพื่อนไม่ฝากซื้อ ไม่กล้าเข้ามาในร้านเลยนะนี่)

อารมณ์ของร้านที่นี่คือ เหมือนเป็นที่ให้ชิมชา แล้วขายของแบบจริงจัง คล้ายๆ ที่เราไปเที่ยวต่างประเทศแล้วโดนบังคับให้เข้าไปร้านขายของประมาณนั้น

อันนี้แอบไปถ่ายไร่อื่นมา ถ่ายแล้วหนีเลย ถถถ

ป้ายไร่ชา ต้องถ่ายให้รู้หน่อย

ไร่ชา 101 

สถานที่ชิมชา และขายชา

หลังจากไปไร่ชา 101 แล้ว ก็ไปหาร้านอาหาร  "ร้านอิ่ม โภชนา ดั้งเดิม" แต่หาไม่เจอ เจอแค่ร้านชื่อคล้ายๆ ประมาณ น้องอิ่ม หรืออะไรนี่ล่ะ ดูไม่น่ากินเลยล้มเลิกไป เพื่อไปกินร้านขนม  Sweet Mae Salong Cafe แต่ร้านปิดแล้ว คอตก ไม่มีอะไรกิน คนที่นี่นอนเร็วมาก สงสัยต้องตื่นเช้าไปเก็บชา ก็เลยขับรถกลับเลย ก่อนที่จะมืด เพราะไม่คุ้นทาง อันตรายเกินไป

สุดท้ายก็กลับมาที่พัก ที่ใหม่ (ไม่ขอบอกชื่อ) ก็ดีกว่าที่แรก แต่ก็ไม่ Happy เท่าไหร่ แต่มีอาหารเช้าให้ด้วย ส่วนตอนกลางคืน ก็ไปกินร้านก๋วยเตียวข้างทางธรรมดา แล้วก็น้ำปั่นกับขนมหวาน แน่นอน หวานโครตตตตตต



================================================================
วันที่ 3 ดอยตุง (สวนแม่ฟ้าหลวง กาดดอยตุง พระธาตุดอยตุง) ร้านชีวิตธรรมดา วัดเสือเต้น ทุ่งข้าว+วัดห้วยปลาก้าว บ้านดำ

ดอยตุง

ตื่นเช้ามากินข้าว 7โมงเช้าแบบสบายๆ ข้าวต้ม กับไข่ลวก (นึกว่าไข่ต้ม ซัดไปเต็มแรง เละเลย) ของที่พัก ก่อนแล้วก็วิ่งมาดอยตุงเลย ไม่ไกลจากที่พักมากนัก ดูเวลาเปิดแล้ว แต่ยังรู้สึกมาเช้าไปหน่อย กาด(ตลาด) ยังไม่เปิดเลย เลยนั่งรอในรถพักใหญ่ๆ ก่อนลงไป สวนแม่ฟ้าหลวง เพื่อเดินดูสวนที่นี่

บรรยากาศดี สบายๆ เสียดายตรงที่เห็นหมอกเยอะมาก ที่ไหนได้ ควันไล่ยุง มาฉีดวันที่เรามาพอดีอีก เหม็นไปหมดเลย

แล้วก็ขึ้นไป  Tree Top Walk ไปเดินเล่นบนยอดต้นไม้สวยๆ (จ่ายตังเพิ่มด้วยนะ)  ก่อนไปชิมชา ข้างล่าง (เสียดายไม่ได้สังเกตุว่า เขาแนะนำ "เมล็ดแมคคาเดเมีย" เราเลยไม่ได้สั่งพวกนี้กิน)

จุดจำหน่ายบัตร

ทางเข้าสวนแม่ฟ้าหลวง

พูดถึงก่อนหน้านี้หลายปี ที่เคยเป็นเขาหัวล้าน ก่อนจะกลับมาเป็นป่าอีกรอบนึง

เข้ามาชมสวน

มุมดีๆ 

 Tree Top Walk เสียค่าเช่าเพิ่ม มีอุปกรณ์ safety ให้ (คนอ้วนๆอยากผม มัดเป็นแหนมเลย) 

อุปกรณ์ Safety (ไม่กล้าเอารูปตัวเองลง)

เดินชมวิว แนะนำว่า ถ้าอยากได้รูปถ่ายสวยๆ ให้อยู่คนหน้าสุด ถ่ายรูปสวยกว่าเยอะ

ของกินในสวนแม่ฟ้าหลวง ช็อคโกแลค ชาอังกฤษ แล้วก็ชีสเค้กแมคคาเดเมีย

กินๆ 

หลังร้านอาหารมีป้ายอยู่

ทางขึ้นก่อนกลับ 

จากนั้นก็ไปเที่ยว กาด ดอยตุง ซื้อของนิดหน่อย ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า ของป่า แล้วก็สารพัด ชาที่พร้อมชงถ้ามีคนสนใจ (ชิมจนบวมอ่ะ) ก่อนไป พระธาตุดอยตุง

พระธาตุดอยตุง
 
จาก สวนแม่ฟ้าหลวง วิ่งมาไม่นานมานัก ก็มาถึง พระธาตุดอยตุง เข้ามาก็เห็นจุดชมวิว (รู้สึกปวดขาทันที) แต่สุดท้ายก็เดินไปดู และแน่นอน โดนเมฆบัง ไม่เห็นอะไรเลย

กลับมาไหว้พระธาตุ นั่งพักสักครู่ ก่อนที่จะออกจากที่นี่ (แฟนเปลี่ยนเสื้อในรถเป็นเด็กดอยแล้ว)
จุดชมวิวที่ว่า เดินไปสักพักใหญ่ๆ

ถึงแล้ว แต่ไม่เห็นอะไรเลย



วัดสวยดี

หลังจากออกจากดอยตุง ก็ตรงกลับมาที่ตัวเมืองเชียงรายเลย ก็เที่ยงพอดี ก็ไปร้านชีวิตธรรมดา เป็นร้านอาหารที่ไม่ธรรมดา ทั้งการจัดร้าน อาหาร และราคา (แอบแพง แต่บรรยากาศดี ค่าถ่ายรูปล่ะกัน)

ร้านชีวิตธรรมดา https://goo.gl/maps/5Z2MJGZBHwD2

ร้านอาหาร ที่ราคาพอสมควร แต่จัดร้านได้สวยดี อาหารก็อร่อยด้วย จานใหญ่ (เสียดายไม่ได้ลองสั่งของหวาน เนื่องจากแฟนให้ลดความอ้วน สะเทือนใจ) มีปัญหาอยู่เรื่องที่จอดรถไม่พออย่างแรง ขนาดไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ที่จอดยังไม่ค่อยจะพอเลยด้วยซ้ำ

ภายในร้าน มีทั้งในและนอกอาคาร (ไม่รู้ข้างในเปิดแอร์เปล่า)

ที่นั่งเต็มเกือบตลอด ได้นั่งนอกร้านแทน

ข้าวผัดแหนมน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกค่อนข้างเผ็ด เป็นอย่างเดียวที่มาเชียงรายแล้วเผ็ดจริง

ข้าวซอยไก่ทอด 

ขอบอกอีกรอบ อาหารอร่อยจริงๆ หลังจากกินอาหารเรียบร้อยแล้ว ก็ไป วัดใกล้ๆเลย

วัดร่องเสือเต้น (วัดน้ำเงิน?)  https://goo.gl/maps/hy1H1Ky6n5p

โดยรวมคือวัด สีน้ำเงิน ก็ไม่บรรยายมากล่ะกันครับ

สีฟ้าไปหมดเลย

กรุณาแต่งตัวสุภาพ

ก็ที่นี่ เหมือนเป็นจุดท่องเที่ยวบังคับของคนจีน ต่างชาติพอสมควร ก็พอไหว้แล้วก็ไป พิพิธภัณฑ์บ้านดำต่อ ก็ขับย้อนกลับไปหน่อย

พิพิธภัณฑ์บ้านดำ
 
ก็เหมือนเป็นจุดท่องเที่ยวของชาวจีนและต่างชาติอีกจุดนึง คนเยอะมาก มีค่าเข้านิดหน่อย แต่ที่จอดรถค่อนข้างแคบ แต่ถ้าวิ่งไปไกลหน่อย มีที่จอดด้านหลังอีกทีนึง

เมื่อเข้าไปในบ้านดำ ก็ดำเป็นส่วนใหญ่ บ้านๆ จัดของตามจุดต่างๆ แต่แอบไม่ชอบใจที่เห็นกระดูกสัตว์ต่างๆ (วัว ควาย นก อื่นๆ) หนังสัตว์ (หนังจระเข้ หนังหมี หนังควาย) มาเป็นของที่อยู่ใน บ้านดำ ดูมันโหดร้ายไปหน่อย

บ้านเล็กด้านนอก สวยดี (บ้านใหญ่ที่มีของสัตว์ สตาป อยู่ ไม่ได้ถ่ายรูปมา)

ถ่ายรอบนอก

บ้านเล็กๆ เปิดให้ดูแต่ห้ามเข้า

หลังจากออกมาจากบ้านดำ ก็จะไปเดินสะพานไม้บนทุ่งข้าวสะหน่อย เห็นในเฟสบุ๊คพอดี แต่พอไปถึง เขารื้อไปหมดแล้ว สงสัยทำเป็นที่เที่ยวไม่ไหว หรือเปล่าไม่รู้

ก็เลยกลับมาที่โรงแรม แล้วแวะไปกิน ร้านไอติม ลุงชม ต่อ

ร้านไอติมลุงชม https://goo.gl/maps/23fuoPNYdpz

 ไอติมอร่อยดี ราคาถูก เลือกระหว่าง กะทิ กับ ชาเขียว แล้วเลือกท๊อปปิ้งเองจ้า ระวังอย่างนึง ร้านปิดค่อนข้างเร็ว รีบมาก่อนด้วยนะ

ถ่ายรูปกับป้ายหน่อย

ภายในร้าน

ราคาที่ร้าน เริ่มต้น 25 บาท (ใครจะซื้อ กิโล ก็ได้)


ไอติมอร่อยดี

หลังจากนั้นก็ไป Night market ต่อเพื่อไปกินร้านบัวลอยในตำนานหน่อย

ร้านบัวลอยมือถือป้าอ้วน
 
* แผนที่ บอกร้านบัวลอย และทางเข้าตลาด Night Market ด้วย

สำหรับร้านบัวลอย ก็ถือว่ารสชาติอร่อยดี ราคาก็ไม่แพงมาก แต่ลำบากนิดหน่อย คือเวลาเปิดปิด แค่ 2-3 ชมเอง

ส่วนตลาดนัดกลางคืน เหมือนจะเปิดทุกวัน ก็มีเสื้อผ้าขายตลอดทาง ด้านในเป็นลานเบียร์ และเวทีแสดง (แต่ผมไม่ได้อยู่ดูนะ)

ผ่านหอนาฬิกาพอดี ถ่ายไม่ทัน 

บัวลอยมือถือ

สั่งมา 2 อย่างกินเล่นๆ (ที่จริงแบบธรรมดาดีสุดแล้วล่ะ)

หลังจากเสร็จแล้วจากตลาด Night Market ก็มาหาร้านอาหารต่อ ก็เปิดเน็ตมาเจอร้านนี้ ไม่ขอเอ๋ยนาม อาหารก็อร่อยดี แต่ปัญหาคือ กุ้งไม่สด ไม่สดถึงขั้นเหม็นตุๆเลย ต้องทิ้งเลยจานนั้น ส่วนมัสมั่นหมู (เจอเนื้อ 3 ชั้น โครตไขมัน) แล้วก็ไส้อั๋ว ก็ถือว่าอร่อยระดับนึง แต่โดยรวมแล้ว ราคาค่อนข้างแพงเกินไป

กุ้งมีปัญหาหนักมาก 

มัสมั่นหมู อร่อยดี แต่มันเยอะไปหน่อย (ปกติไม่กินมัน)

ไส้อํ๋ว อร่อยดี แต่เจอมัสมั่นหมู เลยกินไม่หมด ห่อกับโรงแรมเลย (แพงจนต้องห่อกลับ)

ต้องบอกเลยว่าพลาด ไปอ่านรีวิวแต่ล่ะคน แล้วเดาอยากจริงๆ คนแนะนำร้านนี้มา บอกอาหารอร่อยราคาถูก เรามากิน ถูกหลอกเลย ถถถถ ไม่ไหวๆ

หลังจากกินแล้วก็กลับไปนอนโรงแรมที่ใหม่
Morning Dew Lodge

ลดราคาจาก 2000 เหลือ 500 ที่นอนสะอาด ห้องใหญ่ สบายใจ มีอาหารเช้าให้เลือกเยอะ เสียอย่างเดียว ไม่มีลิฟท์ แม่เจ้า

อันนี้ไปโรงแรมแล้วบอกได้เลย รู้มาจากผม ที่เค้าเตอร์เลย แล้วโรงแรมก็จะถามว่า "คือใครหรอ" ก็บอกไป ไม่รู้เหมือน แล้วก็จบ

เพื่ออออออ

ปล. จากโรงแรม เดินไปตลาดนัดคนเดินวันเสาร์ได้เลย ไม่เกิน 700 เมตร ================================================================

วันที่ 4 วัดร่องขุน ไร่สิง น้ำตกขุนกรณ์ บ่อน้ำพุร้อนห้วยหมากเลี่ยม ตลาดนัดคนเดิน

สำหรับวันนี้ก็ตื่นสายอีกวันนึง ไม่มีอะไรต้องรีบไป (ปวดขาอยู่) ก็กินข้าวโรงแรมตอนเช้าก่อนออกแบบสบายๆ plan วันนี้ก็เพิ่มเติม น้ำตกขุนกรณ์ กับบ่อน้ำพุร้อนห้วยหมากเลี่ยม (เปิดหาในเนต แล้วอยู่อันดับต้นๆพอดี)

วัดร่องขุน https://goo.gl/maps/4m6aw1tHW8u

วัดร่องขุนนี่ น่าจะเป็นจุดท่องเที่ยวหลักๆ ของเชียงรายเหมือนกัน เมื่อเข้าไปแล้ว ประชากรจีนค่อนข้างหนาแน่น คนไทยเข้าฟรี สบายกระเป๋าตังค์ไปได้หน่อย ถามเรื่องความสวยงามแล้ว ตรงๆ ก็สวยดี แต่บางจุดดูแปลกๆยังไงไม่รู้ อย่างพนังหลายๆจุด มันเรียบไปเลย แต่ส่วนตัวไม่รู้เรื่องศิลปเท่าไหร่ สงสัยตาไม่ถึง ที่ชอบจริงคงจะ หอศิลป ที่แสดงรูปวาด รูปปั้มของ อ. เสริมชัย มากกว่า (ทางเข้าแอบอยู่ข้างนอก ไม่เข้าไปดูก็เสียดายเลย) (ส่วนใหญ่รูปจะอิงทางศาสนามากกว่า เช่น พระพุทธ สวรรค์ นรก สัตว์ 12 ราศี ประมาณนี้) 

คือชอบรูปอ่ะ ตลกดี 

ทางเดินในวัด

ใต้ทางเดิน มีใบโพธิ์ เขียนคำอธิษฐานได้ ใบล่ะ 30 บาท (ถ้าจำไม่ผิด)

วัดร่องขุน ถ่ายยาก ตัววัดสีขาว แดดจ้า ถ้าเราไม่หน้ามืด วัดก็สว่างจนมองไม่เห็นเลย 

รูปชัดๆหน่อย

มุมมหาชน มั้ง 

เห็นตรงทางออก 

ในหอศิลป์ เขาไม่ให้ถ่ายรูป เลยไม่มีรูปเลย ต้องขออภัยจ้า

หลังจากเดินรูปเรียบร้อยแล้ว ก็ไปไร่สิงค์ต่อ ตอนแรกจะไปตอนเช้าเลย โชคดีมาดูเวลาเปิดก่อน เปิด 9 โมงเช้า (ถ้าจำไม่ผิด) 

ไร่สิง https://goo.gl/maps/wawvQm6abSC2

ไร่ ขนาดใหญ่มากของตระกูลสิงค์ มีต้นไม้หลายชนิดมาปลุกไว้ ตั้งแต่ ต้นชา ยางพารา ไม้ผล ต่างๆ และมีงานวิจัยในนี้อีกด้วย แล้วก็ สวนสัตว์ เล็กๆ ด้วย 

สำหรับคนที่มาเที่ยว จะนั่งรถราง (รถธรรมดาทำเหมือนรถราง) ชมรอบสวนก็ได้ หรือจะขับรถตรงไปข้างในเลยก็ได้ (แต่ถ้าขับรถส่วนตัวจะไปได้แค่ ร้านอาหารกลางไร่ กับ กลุ่มร้านด้านใน ไม่สามารถไปสวนสัตว์ หรือ ฟาร์มจุดอื่นๆ ได้) 

รถรางเที่ยวก็มีค่าใช้จ่ายนิดหน่อย ไปซื้อที่เค้าเตอร์ได้เลย โดยจะมีเป็นเวลา เป็นรอบ รอบนึงประมาณ 1 ชม เที่ยวออก ทุกครึ่งชม ถ้าจำไม่ผิด  แล้วมีป้ายบอก ถ้ารถเต็มรอนาน สามารถเอารถเข้าไปเที่ยวได้เลย ตามจุดที่อนุญาติ


สัญสักษณ์ ไร่สิงค์ปาร์ค (แนะนำให้ถ่ายด้านข้างนะ ด้านหน้าตัวแบน ตลกมาก)

หลักจากจ่ายเงินแแล้ว ก็มาดูฝูงห่าน แล้วก็ ชมนก ชมไม้ รวมถึงสวนต่างๆ 

เข้ามาอีกหน่อย ก็มีไร่ชาให้ดู มีชุดชาวดอย พร้อมตะกร้า ให้ลงไปเก็บชาเล่น

จุดซื้อชา และ เอาของแถมจากหางบัตร (ได้ชาชงเย็นมาคนล่ะถุง)

จุดแนะนำ เห็ดถั่งเช่า

วิธีการเพาะเห็ด คนที่แพ้เห็ด และ หนอนไม่ควรกิน (อาหารเห็ด คือเอาหนอนมาปั่น)

สวนสัตว์ มียีราฟ ม้าลาย นกแก้ว ม้าแคระ ตัวที่มีเขาคล้ายๆ ควาย

นกแก้ว เอาอาหารไปล่อ ถึงจะมาได้

รถรางที่ว่า 

ถ่ายรูปเรื่อยเปื่อย

มุมวิวจากจุดชมวิว ใกล้ๆ ร้านอาหาร ภูภิรมย์ (ส่วนร้านอาหาร ไม่ได้กิน ดูแล้วน่าจะแพง เลยขอผ่าน)

แมวสิงค์ 

หลังจากเสร็จจากไร่สิงค์ ซึ่งเร็วกว่าที่คิด แล้วก็ยังไม่ได้กินอะไร ก็เลยจะไปกินที่น้ำตกขุนกรณ์ ซึ่งไม่รู้ว่า ไม่มีร้านอาหารเลย (เหมือนจะมีอยู่ร้านนึง แต่สภาพดูไม่ได้เลย)

น้ำตกขุนกรณ์ https://goo.gl/maps/yNdrCFTPzeM2

เป็นน้ำตกที่มีชั้นเดียว คือ เดินไปจนสุด (1.4km ขึ้นเขา ในป่า) ถึงจะเห็นน้ำตก แล้วจบเลย ไม่มีเป็นชั้นๆ เหมือน เอราวัณ ที่ผมเคยไปบ่อยๆ  รู้สึกเหมือนเดินหลอก เดินจนปวดขาเลย เลื่อนมากด้วย 

ทางเข้าน้ำตก ป้ายน้ำตก มีแค่นี้อ่ะ

ป่าไผ่ สวยดี หลอกคนอื่นว่าไป เกียวโตได้ไมนี่่

ได้ยินเสียงป๊อก ป๊อก ไม่ต้องตกใจ มีไผ่ป๊อกๆนี่เอง (เรียกว่าอะไรไม่รู้)

น้ำตก ในความจริงใหญ่มากนะ

ไปยืนเทียบตัวเอง ใกล้ๆ น้ำตกดู ลมแรงมาก สดชื่นโพดๆ เสียดาย น้ำขุนไปหน่อย ไม่น่าลงเล่นเลย

เสร็จจากน้ำตกแล้ว ก็หิว แต่ไม่ได้กินร้านแถวนั้น จะไปกินไข่ต้มน้ำพุร้อนแทน เลยอดทนขับรถไปต่อเลย ที่บ่อน้ำพุร้อนห้วยหมากเลี่ยม (ระวัง ขี้ช้างระหว่างทาง เยอะมาก เหมือนเป็นเมืองให้นักท่องเที่ยว ขึ้นไปขี่ช้างได้เลย)

บ่อน้ำพุร้อนห้วยหมากเลี่ยม
น้ำร้อนดี มีบ่อแยกออกมาสำหรับแช่เท้า แต่ดูค่อนข้างสกปรก แล้วน้ำไม่ไหลตลอดเวลาด้วย (เอาน้ำร้อนมาแช่ไว้ ไม่ปล่อยน้ำใหม่เข้ามาเลย ดูไม่ดีเลย ส่วนสระน้ำ ไม่มีคนลงเลย ผมเลยไม่กล้าลง คนเดียว แฟนก็ไม่ยอมลงด้วย จบกัน คราวหน้าคงต้องจองห้องพัก แล้วแช่แบบ ส่วนตัวเลยดีกว่า น่าจะสบายใจกว่าเยอะ

มีร้านอาหาร 3-4 ร้าน แล้วก็ร้านขายไข่ให้ไปต้ม หลายร้านเลย (3ฟอง 20 บาท แต่ไม้กับตะกร้อให้ยืมเฉยๆ)  ต้มราว 20 นาที ก็เป็นไข่ยางมะตูมอยู่ พอกินได้ (ปกติชอบไข่สุกเลยมากกว่า)

พึ่งเห็นว่า คนล่ะชื่อกับใน google map 

ไข่ต้ม 20 บาท แต่ไม่ให้ไม้และตะกร้า กลับบ้าน

หลังจากเสร็จจาก บ่อน้ำร้อนแล้ว ก็ออกมาแบบเสียดาย น้ำร้อนไม่ได้ลง นวดก็ไม่ได้นวด ทั้งที่ปวดขาไปหมด เสียใจ

กลับมาที่โรงแรม ก็พักยาวเลย เพราะว่าพรุ่งนี้จะกลับ กทมแล้ว ตอนเช้าตรู่ เลย เลยต้องพักเอาแรงหน่อย แล้วก็ไม่รู้ไปไหนดี เพราะหมดแรงด้วย นอนรอตลาดนัดคนเดินเชียงราย เปิด ประมาณ 5 โมงเย็นเลย (เปิด 5โมงเย็น ถึง 5 ทุ่ม อาจมีดึกกว่านั้น ประมาณ 1-2 ทุ่ม ก็คนแน่นแล้ว)

ตลาดนัดคนเดิน
เดินจากโรงแรมออกมาเลย ก็เจอตลาด เป็นเส้นตรงยาวไปตามทางเลย (ไม่แน่ใจยาวแค่ไหน แต่คิดว่า น่าจะเกิน 1กิโลเมตรนะ บางจุด 4 แยก ก็มีตลาดยาวตามถนนตัดอีกหน่อยนึง แบ่งโซนร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้าชัดเจน (แต่อาจมีปนบ้าง) 
ระหว่างทางมีการแสดงเล็กๆ ตามจุดต่างๆ อันนี้เด็กมารำ โชว์

ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ต่างๆ

เดินไปตามถนนยาวๆ 

ขนมไร้ไม่รู้ ราคา 10 บาท กินรองท้องไปก่อน

พยายามหาอาหารพื้นเมืองกิน แต่สุดท้าย พื้นเมืองจริงๆ เราก็กินไม่ได้ ที่เหลือก็มีทั่วไป

ลานกลางแจ้ง ให้คนไปเต้นรำ (ส่วนใหญ่เต้นแบบไทยๆนะ) 

ขากลับก็มากินข้าวที่ร้านอาหารแถวนั้น พอดี 

ร้าน หนิงผัดไทย https://goo.gl/maps/vi1a3zKGJ3P2
อาหารก็อร่อยดี แต่มันไปหน่อย และผมกินอะไรตอนเดินเล่นที่ตลาดนัดคนเดิน ด้วย ทำให้กินไม่หมดเลย เสียดาย
ร้านหนิงผัดไทย

ข้าวผัดปู (น้ำมันเยอะไปหน่อย)

ผัดไทย

================================================================ วันที่ 5 กลับบ้าน
ไม่มีอะไรมาก

สรุป การเที่ยวกระทันหันในรอบนี้
เปลี่ยนแผนเยอะมาก ร้านอาหารที่เล็งไว้ หลุดไปเยอะมาก เสียดาย ไม่ได้ไป
ไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า ไม่ได้ออกกำลังกายเลย ปวดขาระบมมาก ไม่ดีเลย
อาหารที่เชียงราย ค่อนข้างหวาน ส่วนอาหารเผ็ด ไม่เผ็ดด้วย (สบายปากหน่อย)
คนจีนเยอะ ทั้งที่ไม่ใช่ฤดูเที่ยว หลายๆที คงมีรายได้จากคนจีนมากกว่าคนไทยด้วยซ้ำ
เชียงรายยังมีป่ามีเขา ธรรมาชาติยังดีอยู่มาก อาจเป็นเพราะค่อนข้างไกลจาก กทม และเป็นเมืองรอง ใครชอบธรรมชาติ ก็แนะนำให้มา (มาหน้าหนาวคงฟินกว่า)

ขอบคุณที่ติดตามครับ






ความคิดเห็น